เวลาอ่านช่วยคิดตามด้วยนะครับ .. อย่าเพียงแต่อ่านผ่านๆ ..เนื้อหาจะติด rate นิดๆ (PG-13) เด็กๆ ไม่ควรอ่านโดยไม่มีผู้ปกครองแนะนำนะครับ
“วันนี้น้องมิ้นท์ เล่น Internet สนุกมากเลย .. แหมก็เพื่อนๆ น้องมิ้นท์เยอะแยะ คุยเก่งทั้งนั้น น้องมิ้นท์งี้ตอบแทบไม่ทัน Yes, Oh yes.. Internet นี่มันดีจริงๆ นะพี่ วันก่อนน้องมิ้นท์ทำรายงานก็หาข้อมูลจาก Internet ได้ตรึม บางอันเป็นภาษาไทยอีกต่างหาก ไม่ต้องแปลให้เสียเวลา น้องมิ้นท์ก็ตัดแปะซะ..อิอิอิ”
น้องมิ้นท์ของเราตอนนี้ดูจะใช้ Internet เก่งขึ้นทุกวันๆ แล้วล่ะครับ .. เราเห็นประโยชน์ของเครือข่าย Internet มากมายสารพัด จนแทบจะเรียกได้ว่ามีข้อมูลทุกอย่างที่เราต้องการ เพียงแต่ว่าจะหามันเจอมั้ยเท่านั้นเอง นอกจาก Internet จะเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่มหาศาลแล้วยังเป็นชุมชนที่มีผู้ใช้จำนวนนับล้าน ที่ใช้งานพร้อมๆ กัน จากการสำรวจล่าสุดในเดือนมกราคม 1999 ค่าประมาณของจำนวน hosts บน Internet คือ 43 ล้านกว่าๆ (ตัวเลขนี้ได้จากการนับจำนวน hosts ด้วย software ไม่ได้เป็นการประมาณจากแนวโน้ม) มากที่สุดคือ US รองลงมาคือญี่ปุ่น ประเทศไทยเราติดอันดับ 48 มีประมาณ 2 หมื่นกว่า hosts ที่ NSFNET ประมาณจำนวน user ด้วยอัตราส่วน 10 users/host ดังนั้นจำนวนผู้ใช้ตอนนี้ประมาณได้ถึง 430 ล้านคน ..โอ้โห เยอะกว่าประชากรประเทศเราหลายเท่า (ตัวเลขนี้เป็นการประมาณนะครับ ในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ที่จะนับจำนวนผู้ใช้ Internet) Internet ก็เลยกลายเป็นชุมชนขนาดยักษ์และทำให้เกิดคำศัพท์เช่น Cyberspace, Net community, และ Netizen แต่ชุมชน Internet นี้ก็เลี่ยงความจริงของสังคมไปไม่พ้น .. แน่นอน Internet มีด้านดีอย่างที่น้องมิ้นท์และคนจำนวนมากได้สัมผัสในการใช้งานทั่วๆ ไป และก็มีด้านมืดที่น่ากลัวมากกว่าที่เราคิด .. ใช่แล้ว Internet เป็นส่วนผสมของสีขาวและสีดำ..Internet มีสีเทา..มีทั้งคนดีและไม่ดีเหมือนสังคมมนุษย์โลกของเรา.. ในด้านดีของ Internet คงไม่ต้องกล่าวถึงมากมายเพราะคิดว่าเรารู้จักด้านดีมันมามากแล้ว แต่อะไรล่ะที่ทำให้ Internet มีส่วนผสมของสีดำ ? .. เท่าที่เจอด้วยตัวเอง, คำบอกเล่าจากเพื่อนๆ, และจากหนังสือ ก็มีไม่น้อยล่ะครับ ลองมาดูตัวอย่างกันสิครับว่าอะไรคือด้านลบของ Internet ?
เรื่องแรก.. เอาเรื่องเบาๆ ไปก่อน “cyberporn” (ไม่แปลล่ะนะ) ทั้งที่เป็นธุรกิจและฟรี คงเจอกันตรึมแล้วล่ะสิเนี่ยธุรกิจประเภทนี้ชอบใช้ banner ในการโฆษณา และมีเทคนิคในการกระจายข้อมูลสารพัดรูปแบบ การศึกษาจำนวนมากพบว่าสื่อประเภทนี้กระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ขนาดไม่ได้หายังตามมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ อย่างที่เคยบอกว่า proxy servers บางที่มี xxx อยู่ประมาณ 80 % ของพื้นที่ทั้งหมด (proxy admin ยิ้มเลย..เพราะไม่ต้อง load เองให้ลำบาก..โฮ่ๆๆ) มันคงไม่มีปัญหาหากผู้ใช้อยู่ในสถานภาพอันสมควร ปัญหานี้ไม่ต่างอะไรกับการซื้อขายหนังสือ xxx ตามแผง .. แต่มันรุนแรงกว่าเพราะมันฟรี ไม่มีการตรวจสอบอายุ ไม่มีอะไรป้องกัน ไม่ต้องอายคนขาย ถึงจะมีกฏหมายก็ยังล้าหลังอยู่เยอะ จะเอาผิดก็ลำบาก ตามจับก็ยาก คุณพ่อคุณแม่ก็ปวดหัวไปตามๆ กัน .. มีรึพ่อแม่จะตามลูกๆ ทัน
นอกจาก ปัญหา cyberporn แล้ว web ยังเป็นสื่อที่เข้าไปพัวพันกับอาชญากรรมได้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ข่าวที่นักเรียนมัธยมทำระเบิดขึ้นมาเองได้โดยเอาวิธีการมาจาก web อันที่จริงใน web มีวิธีการทำระเบิดตั้งแต่อันเท่าประทัดยัน H-Bomb บางอันมีรายละเอียดมากขนาดที่ออกไปซื้อวัสดุมาประกอบได้เลย นอกจากนี้ก็ยังมี web ที่เผยแพร่ข้อมูล โปรแกรม หรือ source ในการก่ออาชญากรรมบน Internet ประเภท cracking นั่นแหละ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะอันตรายมากนักแต่ก็ทำเอา admin ปวดหัวอยู่เหมือนกัน โปรแกรมบางอันก็ทำตัวเป็น trojan horse ระวังดัวยนะครับประเภทของฟรีนี่แหละตัวดีนัก เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าโปรแกรม telnet ที่ download มาฟรีจะไม่ส่งhostname/username/password ของเรากลับไปให้คนเขียนโปรแกรม ?? ไม่มีหลักประกันเลย ผมอาจจะคิดมากเกินไป แต่ถ้าผมคิดได้ก็ต้องมีคนอื่นคิดได้และอาจจะเอามาหาผลประโยชน์อย่างที่บอก อาชญากรรมบน Internet ที่ร้ายแรงก็เกิดเป็นประจำเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็จะเกิดกับเงินๆ ทองๆ ประเภทโอนเงินจากบัญชีนึงไปอีกบัญชีนึง หรือเข้าไปเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย ขโมยความลับทางธุรกิจ (นึกยังไงไปเก็บในเซิร์ฟเวอร์ ?..”อยากเก็บเป็นความลับห้ามเอาไว้บน net” จำไว้เลยครับ ถ้าอยากเอาไว้ ใส่ข้อมูลปลอมลงไปแทน ..โฮ่ๆๆ) ฯลฯ เชื่อว่าทุกวันนี้ยังมีอีกเยอะแต่จะจับได้รึเปล่านั่นแหละ พวกนี้ใช้เทคนิคขั้นสูงอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็ต้องมีอุปกรณ์เฉพาะในการทำงาน หรือต้องเขียนโปรแกรมหาช่องทางในการเจาะ ใครทำได้นี่ก็กลายเป็นฮีโร่ไปซะอีก มันก็เก่งแหละครับแต่มันน่ายกย่องตรงไหนกัน คิดผิดคิดดูใหม่อีกทีนะครับ อ้อ.. web ยังเป็นสื่อในการชักชวนให้มีความเชื่อแปลกๆ ด้วย .. ที่เป็นข่าวครึกโครมก็คือ Heaven Gate ไงครับ ลัทธิประตูสวรรค์มีสาวกจำนวนมาก เจ้าลัทธิยังสามารถชักจูงคนให้เชื่อถือขนาดยอมดื่มยาพิษฆ่าตัวตายตามกัน เพื่อจะได้เดินทางทันดาวหางซึ่งเชื่อว่าเป็นพาหนะที่มารับคนไปสวรรค์อะไร ทำนองเนี้ย น่ากลัวนะ ในช่วงที่เป็นข่าว Heaven Gate มี website เผยแพร่ลัทธิด้วย ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังมีอยู่รึเปล่า อาจจะเอาเซิร์ฟเวอร์ขึ้นดาวหางไปด้วยแล้ว…โฮ่ๆๆ
“สารพัด chat” มันก็มีส่วนดีไม่น้อย chat ช่วยผมหลายครั้งเวลามีปัญหาทางเทคนิคหรือต้องการความช่วยเหลือด่วน (ลอง #linux, #win95, #os2, #unix เวลามีปัญหา อาจจะมีคนช่วยคุณได้) แต่ก็มีบางมุมที่ chat ก่อปัญหาขึ้นมา .. chat เป็น service ที่ทำให้ผู้ใช้ “ติด” Internet ได้ง่ายมากๆ แล้วก็เลิกยากซะด้วย ดูที่ oasis สิครับไม่เห็นจะใช้ประโยชน์อะไรกันเลย เสียตังค์ใป chat บางทีก็คนในห้องด้วยกันนั่นแหละ ปัญหาของ chat อยู่ที่การที่เราไม่เห็นคู่สนทนา การสื่อสารเป็นเพียงตัวอักษร หรืออย่างมากเป็นเสียงที่ไม่ค่อยจะชัด เราจึงไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงของคู่สนทนาได้เลย นั่นยังไม่เป็นปัญหาร้ายแรงเท่ารูปแบบของการสื่อสาร ที่ไม่เห็นตัว ไม่เห็นความรู้สึก การแสดงออก และอารมณ์ ทุกอย่างขึ้นกับจินตนาการของคนอ่านว่าจะแปลข้อความออกมาให้เป็นอย่างไร โดยมากเราก็มักจะมองโลกในแง่ดีล่ะครับ แปลเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน.. เห็น chat กันไป ยิ้มอยู่หน้าจอคนเดียว (ภาพนี้เห็นบ่อยมาก..ไม่ได้ว่าใครนะครับ ยกตัวอย่างเฉยๆ ) ..อะไรกันหนอคนเรา อ่านตัวหนังสือบนหน้าจอก็ยิ้มอย่างเป็นสุขเชียว บางทีมีหัวเราะคิกคั๊ก.. ดูสิว่าจินตนาการคุณมันแรงขนาดไหน เรื่อง chat นี่มีประสบการณ์เยอะครับ ผมและเพื่อนๆ ลองมาแล้ว ปลอมตัวไงครับ เมื่อซักสอง-สามปีก่อน ผมลองใช้ irc โดยตั้ง nickname เป็นผู้หญิงที่ฟังดูน่ารักๆ หน่อย join เข้าไป (ผมไม่ได้เป็นประเทืองนะ แล้วก็ไม่ต้องถามว่าผมใช้ nick อะไร..คนรู้แล้วก็ห้ามบอกด้วย ผมขี้เกียจสร้าง instance ใหม่) ..ทดลองอยู่อาทิตย์นึงเล่นวันละไม่เกินชั่วโมงก็มีหนุ่มๆ (บางคนอาจจะเป็นหนุ่มปลอม) มาจีบทุกวัน ฮู้ย..ได้ mail มาจีบตรึม ถามเรื่องส่วนตัวยังโง้นยังงี้ ส่งกลอนมาให้ก็มีอันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงอะไรนะครับ ก็ลองทดสอบสมมติฐานเรื่อง nickname และดูความเป็นไปได้ในการตรวจสอบ identity บน irc .. สรุปก็คือถ้าปลอมดีๆ บน irc เช็คไม่ได้แน่ และก็มี nickname ดีๆ มีคนคุยด้วยเยอะโดยเฉพาะ nickname ผู้หญิง ผมว่าหลายคนเห็นชื่อปลอมของผมบน webboard ตอนแรกก็คงตามหากันล่ะสิว่าเป็นใคร .. โฮ่ๆๆ
chat สร้างปัญหาขึ้นมากมายทั้งในสังคม Internet และสังคมของโลกจริงๆ อย่างไม่น่าเป็นไปได้ .. เมื่อสองหรือสามปีก่อน มีข่าวว่าหญิงชายคู่นึงติดต่อกันทาง Internet แล้วฝ่ายหญิงเกิดชอบใจฝ่ายชายมากทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน (คารมเป็นต่อจริงๆ ^^;) สุดท้ายฝ่ายหญิงก็เลยเดินทางไปพบฝ่ายชายที่เมืองๆ หนึ่ง กลายเป็นว่าผู้ชายที่เธอคุยด้วยทาง chat เป็นฆาตกรโรคจิต..ผู้หญิงคนนั้นถูกฆ่าตายเพราะจินตนาการของเธอเอง..เรื่อง นี้เกิดขึ้นในอเมริกา ทุกวันนี้ก็ยังมีข่าวประเภทนี้อยู่แม้จะไม่บ่อยและไม่ร้ายแรงเท่านี้ ถ้าคิดว่าเรื่องนี้ไกลตัว เมืองไทยคงไม่เกิด ลองข่าวในประเทศเราบ้าง ไม่นานมานี้เพิ่งอ่านเจอข่าวในหนังสือพิมพ์แล้วก็ตกใจ ข่าวเขียนไว้ว่ามีเด็กวัยรุ่นที่ใช้ Internet เป็นสื่อในการหาเพื่อนใหม่ ชวนกันไปเที่ยว แล้วก็จบกันที่โรงแรม..แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ที่เลวร้ายก็คือมีการเอาประสบการณ์ที่ว่ามาเล่าสู่กันฟังบน Internet ด้วย..เรื่องนี้มีการทดลอง (อีกแล้ว) ..แล้วก็เจอเข้าจริงๆ ..น่าเศร้า
ระยะหลังญี่ปุ่นมีการศึกษาปัญหาสังคมก็พบว่าคนใช้ Internet เป็นประจำโดยเฉพาะ chat มีอาการป่วยทางจิตประเภทที่ไม่สามารถยอมรับหรือแก้ปัญหาในโลกความเป็นจริง ได้ ตอนนี้เป็นปัญหาทางสังคมอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นไปแล้ว สาเหตุอาจจะเป็นเพราะในสังคม Internet ทุกคนจะได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่ (โดยเฉพาะสาวๆ สวยไม่สวยก็ไม่รู้เพราะไม่เห็นหน้า ถึงจะมีรูปก็อาจจะเป็นของปลอม เผลอๆ อาจจะเป็นประเทือง..) แต่ในโลกความเป็นจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น ชีวิตจริงมันไม่ได้ง่ายเหมือนชีวิตใน cyberspace ..สุดท้ายก็รับสภาพไม่ได้ กลายเป็นโรคจิต โรคประสาท อันนี้อันตรายมากๆๆๆๆ อยากเตือนให้ระวังกันไว้นะครับ เพื่อนสนิทผมเคยเป็นแบบนี้มาแล้ว บอกให้ผมเตือนคนอื่นๆ ด้วยถ้ามีโอกาส คำที่เพื่อนผมพูดไว้จับใจความได้ว่า “คนที่เล่น chat คือคนที่กำลังฝันอยู่ ..คนเหล่านี้มีความสุขในฝันที่ตัวเองจินตนาการขึ้นมา..และไม่รู้หรอกว่า กำลังฝันอยู่” ผมอยากแถมว่า “คนพวกนี้ปลุกให้ตื่นจากฝันยากชะมัด จะรอให้ตื่นเองก็อาจจะสายเกินไป” คนที่เล่นก็ระมัดระวังให้มากขึ้นนะครับ ก่อนจะเกิดปัญหาแบบญี่ปุ่น
เรื่องร้ายๆ ของ chat ยังไม่จบ..มีข่าวเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เอง ที่ออสเตรเลียก็มีปัญหาจาก chat เหมือนกัน เป็นข่าวสามีใช้มีดแทงภรรยาตัวเองเพราะหึงที่ภรรยามีชู้ทาง Internet โดยการ chat ..ภรรยาถูกแทงไป 7 รึ 9 แผลนี่แหละแต่รอดตายมาได้ (ป้าด..อึดขนาด) ก็เลยฟ้องศาลว่าสามีทำร้ายร่างกาย (พยายามฆ่า ??) สุดท้ายสามีก็ติดคุก ข่าวยังบอกอีกว่าการให้การในศาลภรรยาและชู้ยอมรับว่ามีสัมพันธ์ (cybersex) กันทาง Internet จริง.. เพื่อนผม (คนละคนกับเมื่อกี้นี้) ฟังข่าวนี้ด้วยกันก็ส่ายหัวแล้วก็พูดว่า “โรคจิตว่ะ” ..คงจะจริงอย่างที่เพื่อนผมว่าแหละ..น่าเศร้าที่ Internet เข้าไปพัวพันและทำให้เกิดปัญหาแบบคาดไม่ถึงปัญหาที่ยกตัวอย่างมาหลายๆ อันเป็นปัญหาที่รุนแรงมากและส่งผลถึงสังคมจริงๆ ที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ บทความนี้ผมไม่ได้เขียนเพื่อจะให้เลิกเล่นเลิกใช้กันนะครับ สิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์มีมากมายใช้กันไปเถอะครับ แต่อยากให้คนอ่านจำสิ่งที่ไม่ดีๆ เพื่อจะได้ป้องกันตัวเองได้ ..ไม่ต้องไปตามหา website หรือ chat ที่ผมกล่าวถึงหรอกนะ เอาเป็นว่าผมเขียนจากสิ่งที่ผมเจอมากับตัวหรือรู้มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ บางส่วนมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน ในฐานะที่เราเป็นกลุ่มคนที่ศึกษาและใช้งาน Internet เราคงหันหลังให้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ตรงกันข้าม..เราต้องพัฒนาตัวเองให้พร้อมที่จะรับมือกับมันเมื่อมันเกิดขึ้น มาจริงๆ เวลานี้ผมเป็นห่วงปัญหาเรื่อง chat มากที่สุด เพราะมีตัวอย่างเยอะจริงๆ มีมากขึ้นทุกวัน และหนักขึ้นทุกวัน พอใครซักคนติด chat ขึ้นมา การแก้ไขมันก็จะยากพอๆ กับทำให้คนเลิกยาเสพติดแหละครับอย่าให้เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างมาเกิดกับตัว คุณหรือคนรอบข้างคุณ ระวังตัวให้มากขึ้นเมื่อใช้งาน Internet .. ด้านดีของ Internet ยังมีอีกเยอะถ้าเลือกใช้เป็น และสุดท้าย .. ขอให้คุณปลอดภัยจากด้านมืดของมัน
Thanks
ขอบคุณหลายๆ ท่านที่ผมไม่สามารถจะเอ่ยนามได้ในที่นี้ ผมเชื่อว่าประสบการณ์ของท่านที่เอามาถ่ายทอดในบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ ผู้อ่านอย่างแท้จริง ขอบคุณน้องมิ้นท์ :) ขาดน้องคนนี้บทความคงไม่สมบูรณ์