มีชายผู้หนึ่งอายุ 60 ปีแล้ว แกอุตสาหะประกอบอาชีพสร้างครอบครัวจนมีฐานะเป็นเศรษฐี มีบุตรหลานพร้อมหน้า ต่อมาแกเกิดไม่แน่ใจว่า เมื่อสิ้นแกแล้ว ลูกหลานจะสามารถรักษาครองความเป็นเศรษฐีเช่นนี้ได้ตลอดไปหรือไม่ แกใคร่ครวญเพื่อหาหลักประกันอยู่หลายปีก็คิดว่า ทางเดียวที่จะพึ่งได้ก็คือพระ เพื่ออาศัยทางด้านอภินิหาร แกจึงไปหาหลวงพ่อซินก่าย พระเซ็นซึ่งเป็นที่นับถือทั่วไปในเวลานั้น เล่าความในใจให้ฟังแล้วนิมนต์ท่านไปฉันอาหารที่บ้าน และขอให้ช่วยเขียนคำอวยพรเพื่อเป็นสิริมงคลด้วย ในวันพิธี ท่านเศรษฐีได้เชิญแขกเหรื่อและญาติมิตรมามากมาย หลังฉันอาหารแล้ว ท่านเศรษฐีก็ส่งม้วนกระดาษแดงและพู่กันให้หลวงพ่อซินก่าย หลวงพ่อจุ่มหมึกป้ายพู่กันอย่างรวดเร็ว เป็นอักษรสามประโยค
“ให้พ่อตายก่อน แล้วลูกตาย และหลานตาย” ทุกคนตกตลึงไปหมด โดยเฉพาะท่านเศรษฐี หลุดปากออกมา
“โอย หลวงพ่อ !”
หลวงพ่อซินก่ายเห็นเป็นโอกาส จึงสอนว่า
“ลูกเอ๋ย พ่อไม่ได้เขียนเล่นๆ คำว่า ‘ตาย’ นั้น ทุกคนจะต้องพบมิใช่หรือ ฉะนั้นถ้าหากว่าต้องตายแล้ว ก็ขอให้ตายเรียงกันก่อนหลังจะมิดีกว่าหรือความทุกข์ที่คนเราต้องรับกันอยู่ทุกวันนี้ก็หนักพออยู่แล้ว พวกเจ้าจึงไม่ควรจะต้องมาเสียน้ำตาที่ลูกหลานต้องมาด่วนจากไปก่อนเจ้า พ่อจึงถือว่าเป็นพร และเป็นสิริมงคลของวงศ์ตระกูล”
แล้วหลวงพ่อก็ได้แสดงธรรมให้ทุกคนรู้จักว่า “เงิน” นั้นคืออะไร เราควรจะจัดการกับมันอย่างไร จึงจะได้ประโยชน์สูงสุดโดยไม่ต้องไปเป็นทุกข์กับเงินนั้นคงเหมือนกับการรักษาโรคในปัจจุบัน ที่แพทย์ทางโรคจิตใช้วิธีการทำช๊อคให้แก่คนไข้ที่อาละวาด อาจารย์เซ็นก็มีวิธีการทำช๊อคให้แก่ผู้ที่เมาสมบัติเหมือนกัน
ท่านคิดจะนิมนต์หลวงพ่อซินก่าย ไปเจิมสิริมงคลที่บ้านหรือยัง ?