ซินก่าย เป็นเด็กบ้านนอก พอแตกวัยหนุ่ม พ่อแม่ก็ส่งตัวไปอยู่กับขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่งในเมืองเอโดะ เนื่องจากเป็นคนฉลาดและหน้าตาดี ท่านขุนนางจึงเอาตัวมารับใช้ใกล้ชิด อยู่มาไม่นานภรรยาท่านขุนนางจิตใจตกต่ำ จึงใช้หนุ่มซินก่ายมาบำบัดความใคร่ตนเอง หนุ่มซินก่ายไม่มีทางเลี่ยง จึงเป็นชู้ตลอดมา คืนหนึ่ง ท่านขุนนางก็จับได้ จึงกระชากซามูไรออกฟัน ภรรยาท่านขุนนางเห็นความแตก จึงคิดช่วยชู้ รีบไปชักดาบที่แขวนอยู่ข้างฝาแทงขุนนางสามีตาย แล้วหนีออกจากบ้านพร้อมหนุ่มซินก่ายในคืนนั้นทั้งคู่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนไปตามแหล่งต่างๆ ในที่สุดเงินทองที่ติดตัวมาก็หมดลง จึงต้องเลือกการลักขโมยตัดช่องย่องเบา หนุ่มซินก่ายเห็นความไม่เที่ยงเช่นนี้ จึงคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมาอย่างหนัก ถ้าปล่อยให้ รูป รส กลิ่น เสียง มาพัวพันอยู่เช่นนี้ ก็ไม่มีวันจะดำเนินชีวิตให้ถูกต้องได้ ซินก่าย จึงตกลงใจทิ้งภรรยา เดินทางออกสู่บ้านนอกสุดหล้าฟ้าเขียว เข้าอาศัยอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองบูเส็น ต่อมาก็ขอบวชและก็ได้พบว่า คำสอนของพระพุทธศาสนาสอนแต่เรื่องที่เขากำลังสงสัยอยู่ทีเดียว ว่าทำอย่างไรจึงจะอยู่ได้อย่างชนะภัยอันเกิดจาก รูป รส กลิ่น เสียง และควบคุมจิตใจไม่ให้เป็นไปตามความต้องการฝ่ายต่ำได้เมืองที่ท่านบวชเป็นตำบลเล็กๆ การติดต่อกับตัวเมืองเป็นไปด้วยความยากลำบาก มีเพียงทางเดินเท้าเล็กๆ ลัดเลาะไปตามหน้าผาสูงชัน วันไหนฝนตกลมแรงก็ไปไม่ได้ แต่ละปีจะมีผู้พลัดตกหน้าผาลงไปตายเสียมาก ท่านซินก่ายคิดดูแล้ว มีทางเดียวที่จะแก้ไขได้ก็โดยการเจาะอุโมงค์ลอดภูเขา เมื่อพูดเรื่องนี้กับใครก็มีแต่คนไม่เห็นด้วยคงคิดว่าบ้าไปแล้ว ท่านจึงตกลงใจเริ่มงานเจาะอุโมงค์แต่ผู้เดียวในตอนเช้าท่านออกบิณฑบาต เวลานอกจากนั้นท่านอุทิศให้กับการสกัดหินเจาะอุโมงค์ทั้งหมด โดยไม่คำนึงว่าภูเขาจะสูงตระหง่านสักเพียงใด เมื่อเมื่อยท่านก็พัก เมื่อมีเรี่ยวแรงก็ทำงานต่อไปไม่คำนึงว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน คนเดินผ่านไปมาก็คิดว่าท่านคงเสียสติไปแล้ว แต่ท่านไม่สนใจ คงตั้งหน้าตั้งตาทำงานของท่านต่อไป เวลาผ่านไป 30 ปี พระซินก่ายก็ยังคงนั่งสกัดหินเจาะอุโมงค์อย่างไม่ท้อถอย แม้จะมีอายุตั้ง 50 ปีแล้วก็ตาม
ก่อนที่อุโมงค์จะสำเร็จประมาณ 2 ปี ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งซอกซอนมาจากเมืองเอโดะ ปรากฏว่าเป็นบุตรขุนนางเจ้านายเก่าที่ตายไป เมื่อโตขึ้นตั้งใจจะล้างแค้นจึงสืบเสาะจนมาพบ เพื่อที่จะได้ไม่ฆ่าผิดตัวจึงถามตรงๆ ท่านซินก่ายก็ยอมรับ โดยท่านไม่ได้มีอาการวิตกแต่อย่างไร แต่ขอผลัดให้ท่านทำงานเสร็จเสียก่อน งานเสร็จวันใด ท่านจะยอมชดใช้กรรมให้ตัดศีรษะทันที ชายหนุ่มตกลงตอนแรกๆ ชายหนุ่มยังไม่ไว้วางใจ ต้องเหน็บดาบและคอยระวังตัวกลัวท่านซินก่ายจะลอบทำร้าย และเวียนไปดูที่เจาะอุโมงค์เสมอกลัวท่านจะหนี เมื่อไปบ่อยเข้า เห็นท่านทำงานโดยไม่เห็นแก่เหนื่อยยากทั้งกลางวันกลางคืนก็แปลกใจ นานเข้าก็ชวนท่านคุย เป็นอย่างนี้หลายเดือน การสนทนาทำให้ทราบว่า ท่านมีความนึกคิดต่อสิ่งต่างๆ อย่างไร นานวันเข้าไม่รู้จะทำอะไร ชายหนุ่มก็ลงมือช่วยท่านซินก่ายสกัดหินไปพลาง เวลาผ่านไปอีกปีเศษ ชายหนุ่มก็ได้เลียนแบบคุณธรรมที่ตนได้พบเห็นอย่างไม่รู้ตัว และพบว่าท่านซินก่ายเป็นพระใจสิงห์จริง ในที่สุดอุโมงค์ลอดภูเขาก็สำเร็จ ผู้คนได้ใช้เป็นทางติดต่อกับตัวเมืองไม่ต้องลำบากอีกต่อไป ท่านซินก่ายเหลียวมามองชายหนุ่ม แล้วพูดว่า
“เราสกัดเจาะอุโมงค์สำเร็จแล้ว ขณะนี้ก็ถึงเวลาที่คอของฉันจะต้องหลุดจากบ่าตามสัญญาแล้ว”
“หลวงพ่อจะให้ผมตัดศีรษะของผู้ที่เป็นอาจารย์ของผมได้อย่างไรครับ ?” ชายหนุ่มก้มลงกราบน้ำตานองหน้า
ปัจจุบัน ถ้าใครได้ไปเมืองบูเส็นที่ญี่ปุ่น ก็จะพบอุโมงค์ที่มีประวัติการเจาะด้วยแรงคน ในสมัยแรกคดเคี้ยวไม่เกลี้ยงเกลา ปัจจุบันเป็นอุโมงค์กว้าง 30 ฟุต สูง 20 ฟุต เจาะทะลุภูเขายาว 2,280 ฟุต
ท่านซินก่ายเจาะอุโมงค์ทะลุแล้ว ท่านล่ะครับ เจาะตัวเองทะลุแล้วหรือยัง ?