ผู้ปล่อยวาง

ท่านริโยกัน เป็นพระเซ็นที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแบบสมณเพศในกระท่อมเล็กๆ หลังหนึ่งตรงเชิงเขา คืนหนึ่งขณะที่ท่านริโยกันไม่อยู่ ก็มีขโมยลอบเข้าไปในกระท่อมแต่พบว่า ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลยที่มีค่าพอจะลักเอาไปได้ ในขณะนั้นท่านอาจารย์ริโยกันก็กลับมาพอดี พอเห็นขโมย แทนที่ท่านจะโกรธ ท่านกับพูดกับขโมยผู้นั้นว่า

“เจ้าคงเดินทางมาไกลโขซินะ ฉะนั้นเจ้าไม่ควรจะกลับไปมือเปล่า นี่แน่ะเอาเสื้อที่ฉันสวมอยู่นี่ติดมือกลับไปด้วยเถอะ คิดเสียว่าเป็นของกำนัลจากฉัน”

ว่าแล้วท่านก็ถอดเสื้อที่ท่านกำลังสวมอยู่ส่งให้ขโมยไป ขโมยรับเสื้อด้วยความงุนงง แล้วรีบหลบจากกระท่อมไปทันที เมื่อขโมยไปแล้ว ท่านอาจารย์ริโยกันก็นั่งลงมองพระจันทร์ และรำพึงว่า

“เจ้าขโมยที่น่าสงสาร ฉันคิดว่าฉันควรจะให้พระจันทร์ที่สวยงามดวงนี้แก่เจ้าแทนเสื้อตัวนั้นมากกว่า”

ผู้ที่หลุดพ้นแล้ว ย่อมไม่มีความยึดถืออะไรเหลืออยู่อีก ไม่ว่ามิตร หรือศัตรู ก็มีความหมายเช่นกัน

สำหรับปุถุชนเช่น เราๆ ท่านๆ ถ้าหากรู้จักยอมเสียสละสิ่งที่เหลือใช้ หรือเป็นส่วนเกินของชีวิต ออกไปให้แก่ผู้ที่ยังขาดแคลนบ้าง เพียงเท่านี้สังคมก็คงจะน่าอยู่ขึ้นอีกมากทีเดียว