ท่านอาจารย์นินากาวะ เป็นอาจารย์ของท่านอิคกุยุ ในวาระที่ท่านอาจารย์นินากาวะใกล้จะสิ้นลมหายใจ ท่านอาจารย์อิคกุยุ ก็ได้ไปเยี่ยม และถามท่านนินากาวะว่า
“ท่านอาจารย์ต้องการให้ผมนำทางให้ไหม?”
ท่านอาจารย์นินากาวะ ตอบว่า
“ท่านจะช่วยอะไรผมได้ เวลามาผมมาตัวคนเดียว เวลาผมจะไป ผมก็ต้องไปคนเดียว”
ท่านอิคกุยุได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า
“ถ้าท่านอาจารย์ยังคิดว่า ท่านมาคนเดียว และไปคนเดียวอยู่ละก้อ แสดงว่าท่านหลงทางแล้ว ให้ผมนำทางท่านดีกว่า เพราะความจริงแล้ว ไม่มีการมาและการไปเลยต่างหาก”
ด้วยคำแนะนำของท่านอิคกุยุ เพียงเท่านี้ ท่านนินากาวะ ก็ถึงซึ่งความหลุดพ้น และมรณภาพไปด้วยความสงบ
สำหรับคำสอนทางพระพุทธศาสนา ความเชื่อที่ว่าตายแล้วเกิดแบบมีวิญญาณออกจากร่าง แล้วไปแสวงหาที่เกิดใหม่ เป็นมิจฉาทิฐิ และความเชื่อที่ว่าตายแล้วดับสูญ ก็เป็นมิจฉาทิฐิเช่นกัน ความจริงคนเราเป็นเพียงปัจจัยต่างๆ ที่รวมตัวกัน เมื่อคงอยู่ไม่ได้ก็สลายตัวไปรวมกับปัจจัยตัวอื่นๆ ซึ่งเมื่อรวมตัวครบก็เกิดเป็นคนใหม่ขึ้นมาอีก คนใหม่ก็ไม่ใช่คนเก่าเพราะปัจจัยไม่เหมือนกัน เปรียบเหมือนตอนเป็นเด็ก ปัจจัยที่รวมตัวกันเป็นเด็กก็อย่างหนึ่ง เมื่อแก่ ปัจจัยที่รวมตัวกันเข้าก็ไม่เหมือนกับตอนเป็นเด็ก แม้จะไม่ใช่ชุดเดียวกัน แต่ก็เป็นส่วนสืบเนื่องมาจากปัจจัยเมื่อตอนเป็นเด็กเพราะความยึดติดฝังแน่นเป็นปัจจัยสืบทอดตลอดมา จึงคิดว่าเป็นตัวตนของเราอย่างไม่ยอมเปลี่ยนแปลง .. เชื่อหรือไม่ ?