The GIMP – Soft Filter

เอ็ฟเฟกต์ ซอฟต์ฟิลเตอร์ . .อย่างง่ายๆ

  1. Duplicate Layer .. ตั้ง Opacity ประมาณ 80 / Mode = Screen
  2. Filters » Blur » Gaussian Blur .. ตั้ง Radius ประมาณ 60 +/- .. มากน้อยขึ้นกับขนาดภาพ
  3. กลับมาที่ Background Layer .. Layer » Colors » Levels .. ปรับ level ให้กระจายเต็มช่วง ตั้ง gamma ประมาณ 0.7 +/- .. กะๆ เอา ไม่ให้ภาพขาวเกินไป
  4. ที่ Background Layer อีกที .. Layer » Colors » Hue-Saturation .. ปรับ Saturation ประมาณ -20 กะๆ เอาเหมือนกัน อาจจะเห็นยากสักหน่อย

.. ทั้งหมดเสร็จใน 1-2 นาที เหมือนเดิม .. เอารูปที่ รีทัชคราวที่แล้ว มาเป็นต้นฉบับ

ทำง่ายๆ คุณภาพก็คงได้แค่พอใช้ .. อืมม เดี๋ยวเขียน script-fu ไว้เลยดีกว่า .. ลอล

Ubuntu – part 2

เพิ่มเติม Ubuntu – Hoary

  • ตอนติดตั้งจะไม่มีภาษาไทยให้เลือก .. ติดตั้งเสร็จแล้วก็มา localedef ภาษาไทยเอง
  • keymap ภาษาไทย ตั้งบน GNOME ได้เลย
  • evolution 2.1.4 ใช้ calendar แล้วมีปัญหาเรื่อง new/delete events จะมี dialog ขึ้นมาแจ้ง error แต่ก็ยัง new/delete ให้ .. น่ารำคาญนิดๆ .. ส่วนการรับส่งเมลเสถียรดี .. Encoding ไม่มี TIS-620 ให้เลือก แต่กรอกเองได้ (ส่ง patch ไปเป็นชาติแล้ว ไม่ apply ซะที)
  • X.Org 6.8.1 .. DRI ของ i915 ทำงานได้ แต่ GL ไม่ยอมใช้งาน DRI .. เพิ่งเช็คดูวันนี้ พบว่าปัญหามาจาก DRM module ของ xorg เอง .. ก๊อปเอา i915 ของ TLE มาใส่ ใช้ได้เสยย .. glxgears เร็วขึ้นจาก 580 เป็น 610 fps (kernel 2.6.10)
  • Freetype 2 (libfreetype6) ของ Debian/Ubuntu enable unpatented bytecode interpreter by default ใช้กับฟอนต์ภาษาอังกฤษสวย ภาษาไทยเละ .. หาทางแก้ตั้งนาน มาเจอว่าเป็นที่ autohint .. แก้ใน /etc/fonts/local.conf นิดเดียว หาย .. ตอนนี้ full hinting งามทั้งไทยทั้งอังกฤษ :)
  • Nautilus ใน GNOME 2.9.90 ตั้ง icon = 75% แล้วตัวหนังสือก็ = 75% ไปด้วย อ่านยาก :(
  • หลายๆ โปรแกรมไม่ติดตั้ง menu .. บางตัวก็ยังไม่มีใน repository .. บางตัวก็หยิบยืมมาจาก Debian ซึ่งยังไม่สดเท่า TLE .. ตอนนี้เริ่มหัดทำแพ็คเกจ .deb .. สงสัยจะได้ run repository อีกแล้ว แต่คงไม่ได้ contribute เข้า Debian/Ubuntu เพราะ quality คงไม่ผ่าน :P
  • ควบคุม service ในแต่ละ runlevel ไม่ค่อยสะดวก .. gnome-system-tools ของ Ubuntu ก็ไม่มี services-admin ซะแล้ว :(

อ่อ .. Ubuntu ตั้ง default runlevel = 2 :)

Ubuntu

เมื่อวานลง Ubuntu (Warty Warthog) บนเครื่อง peorth แล้ว .. ลงเสร็จ ใช้งานแล้วไม่สะใจ .. เลย apt-get dist-upgrade เป็น Hoary Hedgehog .. Hoary เป็นรีลีสถัดไปของ Ubuntu ตอนนี้ยังเป็น unstable อยู่ และจะเป็น stable ในเดือนเมษายนนี้ .. ปัจจุบัน Hoary ใช้ kernel 2.6.10 + X.Org 6.8.x + GNOME 2.9.x + Evolution 2.1.x + .. bleeding edge พอสมควร แต่ก็เสถียรใช้ได้ .. ทำงานทั้งวัน apt-get update / upgrade / install / remove ไปเยอะ ยังไม่เกเร .. เอ้า .. ลองใช้ดูสักพักละกัน :P

ข่าวอย่างไม่เป็นทางการ TLE ตัวถัดไปจะ base on Debian หรือ Ubuntu .. ยังไม่รู้ว่าจะเป็น TLE == Ubuntu (maintain repo เองทั้งหมด) หรือ TLE = Ubuntu + customize (maintain เฉพาะ modified/customized packages เสริม packages ของ Ubuntu + Debian)

/me .. แบบหลังเบาแรงกว่ามาก concentrate กับงาน customize ได้มากกว่า มีเวลาไปพัฒนาเรื่องอื่นๆ ที่ต้องทำด้วย e.g. UI, Themes, PO files, Hacking, Debugging, Document

World Carnival

เย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา น้าๆ สามคน (ผม เสี่ยต้น พี่ดุลย์) ไปเดินบันทึกภาพสวนสนุก World Carnival ที่เมืองทองธานีมา .. 20 บาท เดินซะห้าชั่วโมง ไม่ได้เล่นเครื่องเล่นอะไรเลย เครื่องเล่นแพง เสียดายตังต์ งกอะ (ใจแมวด้วย ไม่กล้าเล่น .. ฮา) .. กลับมาสลบถึงเช้า .. หนนี้สมองตัน เลย snapshot มาเฉย ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ (- -‘)

[nggallery id=41]

An Evening Glow

สอง-สามวันที่ผ่านมารู้สึกเบื่องานบอกไม่ถูก งานเยอะเหลือหลาย ไม่ค่อยสบายอีกต่ะหาก .. วันอาทิตย์เย็นๆ คิดว่าจะพักผ่อนเสียหน่อย เลยเดินถือกล้องบันทึกภาพไปทั่วสถาบันฯ .. เก็บภาพแบบไม่มีเป้าหมาย แสงก็ไม่ค่อยจะดี ท้องฟ้าขมุกขมัว แต่ได้ยินเสียงชัตเตอร์ลั่นก็อารมณ์ดีขึ้นหน่อย มีแรงกลับมาทำงานต่อละ .. วันนี้คงเป็นอีกวันที่จะ photoblog :)

[nggallery id=40]

ชื่อภาพชุดนี้มาจากชื่อเพลงๆ นึงของที-สแควร์ เพราะมั่กๆ :) .. ระยะนี้กำลังค้นหา digital workflow ของตัวเอง อาจจะมีการทดลองอะไรบ้างนิดๆ หน่อยๆ กับภาพ .. คอมเมนท์ที่ห้อง #tlwg @ irc.freenode.net ได้เน้อะ :)

Battery runs out

เมื่อวานขับรถจากขอนแก่นกลับมา กทม. .. สังหรณ์ใจตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วว่ารถสตาร์ทติดยาก คิดไปว่าจอดรถทิ้งไว้นานอาจจะสตาร์ทยากแบบนี้แหละ .. แวะเติมน้ำมันที่ อ.สี่คิ้ว ก็ยังสตาร์ทยากอีก เอ .. เครื่องก็ยังร้อน วิ่งมาก็เยอะ แบตน่าจะมีไฟ .. หรือว่า แบตเตอรี่จะไม่เก็บไฟซะแล้ว ? .. พอจอดแวะเข้าปั๊มก่อนเข้า กทม. ก็ได้เรื่องเลย สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด ซวยแล้ว พยายามอยู่ 5 นาที ไม่ไหวแฮะ .. เลยไปขอพ่วงแบตกับพี่รถบรรทุก พอสตาร์ทติด ออกจากปั๊มได้ ก็ขับหาร้านเปลี่ยนแบตกันเลย .. ตอนนี้แวะปั๊มนี่ ทุ่มครึ่งแล้ว จะมีร้านไหนเปิดมั้ยเนี่ยะ (- -‘) …

.. ตัดสินใจเลี้ยวไปทาง อ. คลองหลวง เพราะคุ้นๆ ว่ามีร้านซ่อมรถอยู่แถวๆ สภ.อ. คลองหลวง .. ขับไปไฟก็อ่อนลงเรื่อยๆ จนปล่อยเครื่องเดินเบาไม่ได้ ต้องเหยียบคันเร่งไว้ตลอด ติดไฟแดงที ลุ้นโคตร กลัวดับ :O .. พอเจอร้านก็รีบเลี้ยวเข้าเลย .. จังหวะผ่อนคันเร่ง หักพวงมาลัย รถดับก็ (เกือบ) ตรงหน้าร้านพอดี .. แถวๆ นั้นมีร้านซ่อม ประดับยนต์ ปะยาง ฯลฯ เรียงๆ กัน โชคดีว่าร้านขายแบตเตอรี่ เป็นร้านเดียวที่ยังเปิดอยู่ตอนนั้น :D .. ช่างมาเช็คดูก็บอกว่ามีอยู่สองอย่างคือแบตเสื่อมกับชาร์จไฟไม่เข้า .. ด้วยอายุแบตอีกสิบสี่วันก็สามปีเต็มแล้ว เลยสงสัยว่าเป็นที่แบตนี่แหละ .. เปลี่ยนแบตลูกใหม่ เทิร์นลูกเก่าได้ร้อยนึง .. หลังจากเปลี่ยน ก็ลองสตาร์ท ทีเดียวติด .. เย้ :D .. คงเป็นที่แบตเสื่อมอย่างเดียว .. ช่างบอกว่าถ้าชาร์จแบตไม่เข้าไฟเตือนแบตที่หน้าปัทม์จะแดงตลอดเวลา .. แต่ถ้าสตาร์ทแล้วไฟเตือนแบตดับก็แสดงว่าทำงานได้ตามปกติ .. อืมม นะ ..

Gone For Good

Gone For Good ใช้ชื่อไทยสั้นๆ ว่า “หาย” เป็นอาชญนิยายอีกเรื่องของ ฮาร์ลาน โคเบน ที่เล่นกับการสาปสูญและฆาตกรรมเหมือน Tell No One .. และก็เช่นเดียวกันที่เส้นทางจากต้นเรื่องไปท้ายเรื่องที่พลิกไปพลิกมาตลอด .. เรื่องราวดำเนินไปในมุมมองของตัวละครชื่อ วิลล์ ไคลน์ .. สิบเอ็ดปีแล้วที่เคนพี่ชายของวิลล์หายสาปสูบไปพร้อมกับการถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรที่สังหารอดีตคนรักของวิลล์ .. แม้เคนจะได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น แต่วิลล์เชื่อมั่นและไม่เคยสงสัยในตัวพี่ชายเลยแม้แต่น้อย .. ด้วยระยะเวลาอันยาวนานถึงสิบเอ็ดปีทำให้ทุกคนในครอบครัวพากันเชื่อว่าเคนตายจากพวกเขาไปแล้ว .. แต่ก่อนที่แม่ของเขาจะสิ้นลม แม่ก็บอกกับเขาว่า เคนยังมีชีวิตอยู่ นอกจากคำพูดของแม่แล้วเขายังพบหลักฐานที่ทำให้เขาเชื่อว่าพี่ชายของเขายังไม่ตาย .. หลังจากแม่ของวิลล์จากไป เรื่องร้ายๆ ก็เกิดกับเขาอีกเมื่อคนรักคนปัจจุบันของเขาหายสาปสูญไปอีกคนพร้อมๆ กับข่าวว่าเธอเข้าไปพัวพันกับอาชญากรรม เมื่อเขาพยายามตามหาเธอ กลับพบว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาคิดว่าเธอเป็น .. ยิ่งสืบยิ่งพบความจริงที่น่าประหลาดใจทั้งของตัวเขาเอง คนรัก อดีตคนรัก และพี่ชาย .. มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ใครเป็นใครกันแน่ ? ทำไมเคนถึงต้องหายตัวไป ? เคนยังไม่ตายจริงหรือ ? การตายของอดีตคนรักของเขามาจากสาเหตุใด ? และใครคือฆาตกรตัวจริง ? .. ทั้งวิลล์ และคนอ่านคงอยากรู้ความจริงให้ถึงที่สุดแน่นอน ;)

อภิธานศัพท์ ห้องกล้อง @ pantip.com

หนอน, ผีขนอน, หนอนโหล
Canon ไปไหนก็เจอแต่กล้อง Canon ใช้กันเยอะเหมือนได้รับแจกฟรี
นิกร
Nikon หมิ่นเหม่ ไปพ้องกับชื่ออดีตพระสงฆ์รูปหนึ่ง
ปลานา
Panasonic เรียกได้ชนบทมาก
โซหนี้
Sony ราคาสมชื่อ ทำให้นึกถึงตากล้องไส้แห้ง ผ่อนกล้อง กินแต่มาม่า
โอลี่
Olympus
เรโกะจัง/ริจะโก้/แสนโก้
Ricoh มีดีที่เลนส์ไวด์
แป้นแตก
Pentax ชื่อนี้เหมือนคำอุทานในหนังไทยน้ำเน่า
หมีนอนอ้า
Minolta ชื่อนี้หวาดเสียว
ทำหล่น
Tamron ผมงงมาก … เลนส์อะไรวะ ? หล่นแล้วยังถ่ายสวย
ซิกฝ้า
Sigma ขึ้นชื่อเรื่องขึ้นฝ้า

จาก กระทู้โหวต = = สรุปเหตุการณ์ห้องกล้องในรอบปี 2547 = = .. สรุปสั้นๆ โดย คุณ อั๋น ทรงวุฒิ และสมาชิกในห้องกล้อง .. ที่ผมจำได้ก็มีเรื่อง ปริศนาตัวตนของรันรัน .. เรื่องฮู้ด ของ อ.มังกรดำ เล่นเอาท่านไม่กล้าโพสต์ล้อเล่นอีกนาน .. เรื่องหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเอารูปที่ถ่ายโดยคุณ Arnold_A1 (ตอนนี้เป็น D7-D) ไปลงหน้าหนึ่งโดยไม่ได้ขอ … ส่วนบุคคลที่ประทับใจ ผมยกให้ คุณ Joel** เป็นอันดับหนึ่งด้วยเป็น Informative Poster อันดับต้นๆ ของทุกคนในห้อง โดยเฉพาะ Nikon Club มีปัญหาก็เรียกหากันเป็นประจำ .. คุณ Mr.Fusion โดดเด่นตรงที่ “แวะมาดู” เสมอๆ .. คุณมรกตนาคสวาท ใครๆ เรียกเธอว่าป้าแอน เจ้าของ Caplio G4 Wide รูปของเธอทำเอาหลายคนอยากได้กล้องรุ่นนี้กันเป็นแถว .. friday:fineday หนุ่มหล่อฝีมือพอตัวที่มักโดนจับเป็นแบบอยู่เรื่อย ..คุณ FuzzyLogic ที่ทุกคนยกย่องให้เป็นเจ้าพ่อโฟโต้ช็อป … นอกจากนี้ก็มีสมาชิกที่บันทึกภาพดีๆ อีกหลายคนที่ติดตามชมผลงานอยู่เสมอๆ เช่น น้า Boon-Kwang, RBJ, mOm1, Killer Queen, Visuvat, คุณหมอ lexusman, .SiNderella, Kobee .. จะว่าไปหลายๆ คนก็อยู่ที่เว็บฝ่ายดิจิทัล สมาคมถ่ายภาพฯ นั่นแหละ ฝีมือ/มุมมองรับประกันได้ .. อาจจะเพราะสมาชิกในห้องกล้องเคยพบปะกันจากการชวนเที่ยวเป็นระยะๆ ทำให้้ห้องนี้อยู่กันอย่างอบอุ่น .. A Touch of Friendship ยังคงมีอยู่ที่ห้องนี้ :)

The GIMP: หน้าใส หน้าเด้ง

หน้าใส หน้าเด้ง เร่งด่วน

  1. Filter » Blur » Selective Gaussian Blur ค่าที่ปรับก็แล้วแต่ภาพและความใส/ความเด้งที่ต้องการ แต่อย่าให้รายละเอียดหายมากเกินไป เอาให้เป็นธรรมชาติหน่อยละกัน
  2. Tool or Layer » Color » Level (+ Curve)
  3. Blur/Sharpen Tool ถูๆๆๆ อีกนิดหน่อย

.. ทั้งหมดเสร็จใน 1-2 นาที

ป.ล. ภาพขนาด 1:1 ขนาดใหญ่ๆ จะเห็นชัดกว่านี้เยอะ .. นางแบบ – ตอนแรกจะหารูปในอินเทอร์เน็ตมารีทัช แต่แบบดีๆ ก็มักจะถูกรีทัชไปแล้ว เลยเอารูปนี้มาใช้แทน เธอเป็นใครก็ไม่รู้ เห็นใน pantip.com กระทู้คุณ <Michael@ngelo> ห้องแกลเลอรี่ .. ขออนุญาตเอามาใช้ ณ ที่นี้เลยละกัน :P

Update: คุณ <Michael@ngelo> มาเจอ blog นี้แล้ว บอกว่าโทษฐานที่แอบเอารูปมาใช้ เลยชวนไปเป็นสมาชิกบ้านคุณ <Michael@ngelo> ที่ http://tripgang.com แวะเวียนไปเยี่ยมเยียนกันได้นะครับ :)

Tell No One

เดวิด เบค มีชีวิตอยู่กับอดีตอันแสนเศร้ามาตั้งแต่เอลิซาเบธภรรยาของเขาถูกฆาตกรรม เขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยและรอดตายมาได้อย่างปาฏิหารย์ .. แปดปีหลังเธอจากเขาไป เดวิดก็ได้รับเมลนิรนามระบุข้อความที่มีเพียงเขาและเอลิซาเบธเท่านั้นที่รู้ พร้อมกับทิ้งท้ายสั้นๆ ไว้ว่า “อย่าบอกใคร” .. นี่เป็นเบาะแสแรกที่ทำให้เขาคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ “คนรักของเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่” .. เรื่องราวเริ่มซับซ้อนขึ้น เมื่อตำรวจพบศพชายนิรนามในไร่ของเขา ใกล้ๆ กับจุดที่เธอถูกฆาตกรรม ทำให้เดวิดตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมชายนิรนามและคนรักของตัวเอง ! .. ขณะเดียวกัน การพบศพชายนิรนามทำให้ความลับที่ใครบางคนเก็บซ่อนมาตลอดกำลังจะถูกเปิดเผย ใครคนนั้นจึงต้องดำเนินการอะไรบางอย่างเหมือนกัน .. เดวิดเริ่มตามหาเอลิซาเบธโดยเริ่มต้นจากเหตุการณ์เมื่อแปดปีที่แล้ว และยิ่งเขารู้มากเท่าไหร่ ฝ่ายตรงข้ามในมุมมืดก็ยิ่งบีบเค้นและพยายามอย่างที่สุดที่จะปกปิดความจริง … เอลิซาเบธยังมีชีวิตอยู่จริงหรือ ? ถ้าจริง ทำไมเธอเพิ่งจะติดต่อเขาหลังจากผ่านไปถึงแปดปี ? ใครพยายามจะฆ่าเขาและเธอเมื่อแปดปีก่อน และอะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริง ?!!

ฮาร์ลาน โคเบน เป็นหนึ่งในนักเขียนนวนิยายแนวอาชญากรรมที่เก่งมากคนหนึ่ง เรื่อง Tell No One ฉบับภาษาไทย ใช้ชื่อว่า “อย่าบอกใคร” พลิกข้อเท็จจริงไปมาตั้งแต่บทแรกยันบทสุดท้าย บอกได้ว่าทั้งเรื่อง(แทบ)ไม่มีความบังเอิญ เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นจากเจตนาของตัวละครทั้งสิ้น ใครฆาตกรรมใคร เพราะอะไร และใครเป็นคนเปิดโปง คนที่คุ้นชินกับนิยายแนวนี้อาจจะพอเดาตอนจบได้ แต่เส้นทางที่ ฮาร์ลาน โคเบน วางจากต้นเรื่องไปท้ายเรื่องต่างหากที่สนุกและท้าทายจนถึงหน้าสุดท้าย .. ใครชอบงานของ แดน บราวน์ น่าจะชอบงานของ ฮาร์ลาน โคเบน เช่นกัน