Category Archives: Blog

ซายากะ สาวน้อยนักสืบ ตอน ล็อกเกตสีเลือด

ขณะที่เธอรอเคียวโกะ เธอได้สังเกตเห็นหญิงคนหนึ่งห้อยล็อกเกตสีเลือดมาตรวจครรภ์ และเธอก็บังเอิญได้ช่วยชีวิตหญิงคนนั้นได้อย่างหวุดหวิด และก็เป็นหญิงคนเดียวกันนี่แหละที่เธอแอบเห็นว่ามาหาอาจารย์สอนวรรณคดีที่มหาวิทยาลัย ได้ข่าวว่าอาจารย์คนนี้เจ้าชู้เสียด้วยสิ .. นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของอาจารย์ที่เธอไม่ควรจะต้องมายุ่ง แต่อาจารย์ของเธอต่างหากที่เอาเรื่องยุ่งๆ มาหาเธอ .. ตัดฉากมาที่เคียวโกะ สาวเนื้อหอมคนนี้แทบไม่เคยว่างเว้นจากความรัก และคราวนี้มีหนุ่มน้อยมาหลงเธอ จนเธอไม่สบายใจ เป็นหน้าที่ของซายากะเพื่อนรักอีกแล้วที่ต้องมาคอยไกล่เกลี่ยให้จบเรื่องราว แต่มันไม่ได้จบง่ายๆ อย่างที่เห็น .. แล้วซายากะกับอาคิโอะล่ะ ? ในวัย 20 ของซายากะความสัมพันธ์ของเธอดูท่าจะไปไม่รอดเสียแล้ว .. ปีนี้สงสัยจะเป็นปีที่แย่ที่สุดของเธอเลยทีเดียว

ซายากะตอนนี้มาจากต้นฉบับตอน hi-iro no pendant ของอาคากะวา จิโร แปลโดยคุณ วิภา งามฉันทกร เล่มนี้ซายากะกลับมาเป็นสาวน้อยที่เจอเรื่องอันตรายใกล้ตัวอีกครั้ง มีลุ้น ชวนติดตามจนหน้าสุดท้าย .. อย่างนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นซายากะ !

ซายากะ สาวน้อยนักสืบ ตอน ไดอารี่สีอำพัน

อีกไม่กี่วันซายากะก็จะอายุ 19 ปีแล้ว เธอตัดสินใจเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับอาคิโอะ แต่ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ได้คืบหน้าไปเท่าไหร่นัก และเพราะพ่อซายากะป่วยเมื่อเล่มก่อน ทำให้เธอทำงานพิเศษเป็นเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในบ้าน และเธอก็ได้งานเป็นอาจารย์พิเศษไปสอนทาเอะที่บ้าน ทาเอะเป็นเด็กสาวอายุ 14 เธออยู่กับแม่เลี้ยงและคนดูแลประจำบ้าน ไดอารี่สีอำพันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่แม่ที่แท้จริงของเธอทิ้งไว้ให้ ส่วนพ่อของทาเอะเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โต นานๆ ถึงจะกลับมาญี่ปุ่นสักที ทาเอะจึงเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ ในช่วงที่ซายากะเป็นอาจารย์สอนพิเศษให้ทาเอะ พ่อของทาเอะก็กลับมาญี่ปุ่นพอดี จะบอกว่าเป็นการกลับบ้านก็ไม่เชิงเพราะเขามีธุรกิจที่ต้องสะสางมากกว่า การกลับมาครั้งนี้เขาตัดสินใจจะปิดบริษัทสาขาในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ๆ อุจิดะ สามีเก่าของแม่เลี้ยงทาเอะทำงานอยู่ ทาเอะชอบอุจิดะอยู่ไม่น้อย เรื่องวุ่นๆ จึงเกิดขึ้นในบ้านของทาเอะ ซายากะจึงตกกระไดพลอยโจนเข้ามารับรู้เรื่องวุ่นๆ นี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ .. เรื่องนี้คงเป็นแค่เรื่องในครอบครัว หากไม่มีเรื่องฆาตกรรมเกิดขึ้น พร้อมๆ กับการเปิดเผยความสัมพันธ์ที่แสนจะวุ่นวาย

ซายากะตอนนี้มาจากต้นฉบับตอน Kohaku-iro no daiari (dairy) ของอาคากะวา จิโร แปลโดยคุณ วิภา งามฉันทกร เนื้อเรื่องในตอนนี้ค่อนข้างสั้นและไม่ค่อยลึกลับซับซ้อน เนื้อเรื่องของซายากะในวัย 19 นี้ไม่ค่อยมีการผจญภัยหรือแสดงฝีมือมากเหมือนเล่มก่อนๆ … อารมณ์ขันอันเป็นเอกสักษณ์ของอาคากะวา จิโร่ก็จืดไปสักนิด .. hmm

งานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เมืองทองธานี

สองสัปดาห์ก่อนสมาชิกแก๊งค์แมวส่งข่าวเรื่องงานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา วันที่ 16 และ 18 พ.ย. 50 ที่ทะเลสาบเมืองทองธานี .. ปีที่แล้วแก๊งค์แมวอดดูงานนี้เพราะรถติดอยู่บนทางด่วนชนิดที่ทุกคันพร้อมใจกันจอดรถถ่ายรูปกันซะให้รู้แล้วรู้รอด

ปีนี้แก๊งค์แมวหาข้อมูลพร้อม ถึงวันที่ 16 ก็ออกเดินทางล่วงหน้าเผื่อจะไปจองที่ ถ้าเป็นไปได้ก็จะขึ้นตึกร้างริมทะเลสาบอันเป็นสถานที่ที่น่าจะดีที่สุดในการชมและบันทึกภาพพลุ ไปถึงประมาณห้าโมงครี่งเห็นจะได้ ปรากฏว่าที่บนตึกร้างโดนจับจองไปเกือบหมดแล้ว โดยเฉพาะดาดฟ้ากะด้วยสายตาไม่ต่ำกว่า 20 .. หลังจากหาเสบียงและเข้าห้องน้ำเรียบร้อย แก๊งแมวๆ ก็ขึ้นตึกร้าง .. ไปถึงประมาณชั้น 16-17 เห็นจะได้ (ไม่ได้นับ) ระหว่างเดินหามุมตั้งกล้องก็ได้รับคำชวนให้ตั้งกล้องในมุมที่มีคนจองไว้แล้ว แต่เจ้าของที่ไม่มา .. เย้ ขอบคุณหลายๆ .. แก๊งค์แมวๆ ได้ที่เหมาะๆ ตั้งกล้องสูงตัวนึง ต่ำตัวนึง .. พอตั้งกล้องเสร็จก็จัดการกับเสบียง แล้วก็รอเริ่มงาน ..

พลุเริ่มจุดราวทุ่มสี่สิบห้า เริ่มต้นด้วยพลุของออสเตรเลีย ตามด้วยอิตาลี และปิดด้วยจีน จบการแสดงราวๆ สามทุ่มครึ่งด้่วยการจุดเทียนร้องเพลง ..

พลุสวยๆ ตลอดการแสดง .. ชุดใหญ่มาทีตึกร้างสะเทือน .. ควันมากไปนิด และมีลมพัดแรงเป็นบางเวลา ภาพชุดนี้บันทึกโดยตั้งใจจะมา crop ทีหลังอยู่แล้ว เพราะตอนพลุขึ้นจะไปซูม แพน หรือปรับแนวตั้งแนวนอนมันจะไม่ทัน .. ดังนั้นข้อมูล EXIF หลายๆ ภาพจะไม่ตรงกับภาพที่เห็นเด้อ

[nggallery id=78]

คินดะอิจิยอดนักสืบ ตอนที่ 10 – คฤหาสน์เขาวงกต

คฤหาสน์เมโรอันยิ่งใหญ่ขณะนี้ตกเป็นของชิโนะซากิซึ่งมีแผนปรับปรุงให้คฤหาสน์แห่งนี้เป็นโรงแรมที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่เพียงแต่คฤหาสน์ที่เขาได้มาจากทาซึนโดะเจ้าของคนเก่า หากแต่ได้ภรรยาสาวสวยของทาซึนโดะมาครองด้วย ขณะที่โรงแรมกำลังใกล้จะเริ่มเปิดทำการ ชิโนะซากิเชิญคนที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์แห่งนี้มาพัก ชายแขนด้วนคนหนึ่งปรากฎตัวพร้อมนามบัตรของชิโนะซากิ ทำตัวเป็นผู้ได้รับเชิญมาพักด้วย และหลังจากชายคนนี้เข้าห้องพักก็ไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย .. เป็นที่รู้กันว่าคฤหาสน์เมโรไม่ใช่แค่ที่พักธรรมดาแต่ห้องลับมากมายที่สร้างเพื่อให้เจ้าของหลบหนีได้สะดวก .. หรือชายแขนด้วนจะหายไปทางห้องลับ ? แถมความพิการนี้ยังไปพ้องกับเหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีก่อนของคาซึนโดะเจ้าของคฤหาสน์รุ่นก่อนหน้าที่ฟันแขนชิซึมะขาดเพราะเข้าใจว่าเป็นชู้กับภรรยาตัวเอง ชิซึมะหลบหนีเข้าถ้ำมรณะ ไม่มีใครพบชิซึมะตั้งแต่นั้น และจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีใครพบศพของเขาเลย .. ชายคนนี้จะเป็นชิซึมะได้หรือเปล่า ? .. ชิโนะซากิไม่สบายใจนัก เขารู้จักคินดะอิจิจึงได้เชิญให้มาพักที่คฤหาสน์เพื่อสืบหาชายแขนด้วน .. แต่ไม่ทันที่จะได้พบเบาะแสอะไรก็เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นราวกับเป็นการล้างแค้นเหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีก่อน ..

"คฤหาสน์เขาวงกต" แปลจากต้นฉบับชื่อ 迷路荘の惨劇 โดย คุณบุษบา บรรจงมณี เล่มนี้เนื้อหาค่อนข้างยาวแม้จะเลือกใช้วิธีเล่าที่กระชับ(กว่าเล่มอื่น)แล้วก็ตาม เชื่อว่านักอ่านหลายคนคงเดาตัวผู้ร้ายในตอนนี้ได้ไม่ยากนัก แต่คงมีไม่กี่คนที่จะให้เหตุผลที่สอดคล้องกับทุกเหตุการณ์ได้ทะลุปรุโปร่งเท่าตัวละครที่ชื่อคินดะอิจิ

คินดะอิจิยอดนักสืบ ตอนที่ 9 – ในห้องที่ปิดตาย

เล่มเก้านี้มาแปลกนิดหน่อยตรงที่ประกอบด้วยสามคดี

ในห้องที่ปิดตาย เอาโครงจากคดีฆาตกรรมในห้องปิดตายมาใช้ ครั้งนี้การตายเกิดขึ้นกับคู่บ่าวสาวในคืนแต่งงานภายในห้องปิดล็อคจากด้านใน บรรดาผู้เกี่ยวข้องกับผู้ดายล้วนมีเหตุจูงใจในการกระทำฆาตกรรมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง .. การสังหารคนในห้องปิดตายทำได้จริงอย่างนั้นหรือ ?ปริศนานี้จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับคินดะอิจิไม่แพ้การสืบหาตัวคนร้าย

บ่อพยาบาท สองตระกูลได้ทายาทที่หน้าตาเหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออกในเวลาห่างกันเพียงเดือนเดียว มีเพียงตาดำสองชั้นอันเป็นลักษณะพิเศษทางสายเลือดของตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งเท่านั้นที่แยกเด็กทารกสองคนนี้ออกจากกันได้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สองคนจะมีหน้าตาเหมือนกัน เพราะเด็กทั้งสองเกิดจากชายคนเดียวกัน นั่นทำให้สามีผู้ไร้ความสามารถกระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตายหนีอายที่ภรรยาไม่ซื่อสัตย์กับตน .. เวลาผ่านไปจนทารกทั้งสองเติบโต และถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร หนึ่งในนั้นเสียชีวิต ขณะที่อีกหนึ่งรอดมาได้ แต่เสียดวงตาไป .. คนที่รอดกลับมาบอกทุกคนว่าเขาคือคนในตระกูลใหญ่อันมั่งคั่ง จากนั้นโศกนาฎกรรมก็เริ่มเกิดขึ้นราวกับความแค้นจากบ่อพยาบาทได้รับการระบาย ..

คดีร้านแมวดำ ศพไร้หน้าเป็นอีกโครงเรื่องหนึ่งที่ท้าทายไม่แพ้คดีฆาตกรรมในห้องปิดตาย และอาจจะยากยิ่งหากจะเล่าเรื่องโดยปกปิดตัวฆาตกรจนถึงจุดไคลแม็กซ์ .. คดีร้านแมวดำเริ่มต้นเมื่อมีพระรูปหนึ่งพบขาคนยื่นออกมาจากพื้นดิน เขาขุดๆๆ จนกระทั่งตำรวจมาเห็นเข้า .. สิ่งที่พบในหลุมดินนั่น คือร่างไร้วิญญาณของมนุษย์ที่ใบหน้าถูกทำลายจนไม่เหลือเค้า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใกล้กับร้านแมวดำที่เพิ่งจะปิดตัวไปไม่นาน และเมื่อสืบย้อนกลับไป ตำรวจก็พบความจริงที่แปลกประหลาดของคู่สามีภรรยาเจ้าของร้านแมวดำ .. ทั้งสองจึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัย ตำรวจเริ่มตามหาตัวของทั้งสองพร้อมกับสืบสวนเพิ่มเติม คดีนี้บังเอิญไปพัวพันกับผู้ให้การอุปถัมภ์คินดะอิจิ เขาได้อ่านเรื่องนี้จากหน้าหนังสือพิมพ์ และพูดตะกุกตะกักขึ้นมาว่า "ผู้ตาย กับ ผู้ร้ายสลับตัวกัน" .. และด้วยการแนะนำของเพื่อนในสำนักงานตำรวจคินดะอิจิก็ได้เข้าร่วมแก้ปริศนาศพไร้หน้าในคดีร้านแมวดำ

คินดะอิจิยอดนักสืบเล่มเก้าใช้ "ในห้องที่ปิดตาย" มาเป็นชื่อตอนประจำเล่ม ต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า 本陣殺人事件 คำนำของสำนักพิมพ์แจงมาว่าในเล่มก่อนๆ จะอ้างอิงถึงตอนนี้ในชื่อ "ฆาตกรรมในโรงแรม" .. และถ้าเคยอ่านคินดะอิจิยอดนักสืบเล่มก่อนๆ จะบอกได้ไม่ยากเลยว่าเล่มที่เก้านี้ใครเป็นผู้แปล :)

Load Cycle Count !

ไม่นานมานี้ที่ http://slashdot.org มี article เรื่อง Ubuntu May Be Killing Your Laptop’s Hard Drive .. เรื่องของเรื่องก็คือ ฮาร์ดดิสก์โน้ตบุ๊คสมัยใหม่จะมีฟีเจอร์ load/unload ซึ่งทำงานคล้ายๆ กับการ park หัวอ่านของดิสก์ วิธีการ load จะเคลื่อนหัวอ่านเข้าหลังจาก spin จานจนได้รอบที่ทำให้หัวอ่านลอย และการ unload ก็จะเคลื่อนหัวเก็บก่อนแล้วค่อย spin down ฟีเจอร์ load/unload มีจำนวนรอบในการทำงานจำกัด ทำบ่อยๆ กลไกมันจะมีความแม่นยำลดลงจนอาจจะเกิดผลเสียกับแผ่นจาน ตัวเลขโดยประมาณคือที่ 600,000 รอบก็จะเริ่มมีอาการไม่ค่อยน่าเชื่อถือ .. พูดง่ายๆ คือ load/unload บ่อยๆ อาจทำให้อายุดิสก์จะสั้นลงได้ .. ทีนี้พวกฮาร์ดดิสก์ของโน้ตบุ๊คที่มี power management ก็มักจะลดการใช้พลังงานอยู่ใน stand-by mode โดยการ spin down หรือไม่ก็ sleep ไปเลย ทำให้ดิสก์ต้อง load/unload อยู่เรื่อยๆ หลังจากอ่าน article แล้วเลยดู load cycle ของเครื่องตัวเองสักหน่อย …

# smartctl -a /dev/sda
...
9 Power_On_Hours 0x0032 094 094 000 Old_age Always - 2484
...
193 Load_Cycle_Count 0x0032 076 076 000 Old_age Always - 248068
..

เฮือก! ดิสก์ข้าน้อย load/unload ชั่วโมงละ 100 ครั้ง! เป็นไปได้ไงเนี่ยะ! .. คำนวณหยาบๆ ก็ได้คำตอบว่าถ้ายังคงอัตรานี้ ดิสก์อาจหมดอายุขัยในอีก 11 – 12 เดือนข้างหน้า (- -‘)

วิธีแก้ไข ? ตรงไปตรงมาก็ปิด power management ซะ

# hdparm -B 255 -S 0 /dev/sda

ดิสก์บางตัวอาจต้องใช้ -B 254 แทน ส่วนค่า -S 0 จะเป็นการ disable stand-by timeout ถ้าไม่ชอบ ลอง man hdparm เพิ่มเติมเอาละกัน .. เอาคำสั่งนี้ไปใส่ใน /etc/rc.local และ /etc/acpi/resume.d/99-disable-disk-pm.sh เลยก็น่าจะดี … แต่ทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีผลเสีย อย่างน้อยเวลาใช้ on-battery ลดลงแน่ๆ

เรื่องนี้มีข้อสังเกตหลายประการที่ทำให้มีการถกต่อไปอีก อย่างแรกคือหัว article ออกจะ FUDs พอสมควร ที่มาของเรื่องนี้เกิดจากการถกกันใน launchpad เลยจั่วหัวเป็น Ubuntu ซะงั้น ที่จริงแล้ว OS ไหนๆ ก็มีปัญหากับกรณีนี้ได้หมดแหละ ในส่วน Ubuntu เองมี script ปรับการทำงานของ power management ที่ส่งผลกับ load cycle จริง แต่มันจะทำงานเฉพาะใน Laptop Mode ซึ่ง disabled by default .. ทีนี้ทำไม load cycle มันวิ่งกระฉูดขนาด 100 cycle ต่อชั่วโมงก็ยังหาคำตอบกันไม่ได้ … อย่างที่สองคือกรณีของข้าน้อย 100 cycle ต่อนาที นี่มันผิดปกติมาก! จะเป็นตัวเลขที่ถูกต้องหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน .. อย่างที่สามคือถกกันขำๆ ว่างานนี้สงสัย OS vendor สมคบคิดกับบริษัทผลิตดิสก์ทำให้เจ๊งไวจะได้ซื้อดิสก์ใหม่บ่อยๆ .. (- -)a … เอาเข้าไป .. ถ้าดิสก์ยี่ห้อไหนมันเจ๊งง่ายตูก็ไม่ซื้อมาใช้อยู่ดีแหละน่า .. สุดท้าย ค่า -B 255 -S 0 มีผลดีหรือเสียต่อตัวดิสก์เองหรือเปล่าก็ไม่รู้ .. เครื่องใครเครื่องมัน .. ดิสก์ใครดิสก์มัน .. ตัวใครตัวมันล่ะครับ :P

ภารกิจ Book Expo Thailand 2007

โผล่ไปวันสุดท้าย ช่วงเย็นๆ

17:46 ค่าย บลิส สอยมา 5 เล่ม

  1. คินดะอิจิ 9 ในห้องที่ปิดตาย – 220 บาท
  2. คินดะอิจิ 10 คฤหาสน์เขาวงกต – 265 บาท
  3. มิเกะเนะโกะ 10 เมอร์รี่คริสต์มาส – 145 บาท
  4. ซายากะ 6 ล็อกเก็ตสีเลือด – 165 บาท
  5. อุโมงค์ – 215 บาท

รวมแล้ว 1010 แต่ยังคงติดโทษฐานเป็นสมาชิก ลดไป 30% เหลือ 707 บาท

18:14 ค่ายมติชน เบาๆ

  1. เดอะ เสิร์ช – 300 บาท
  2. แจ๊สวิถี – 270 บาท

รวมแล้ว 570 ลดเหลือ 471 บาท

พอละ กลับๆๆ .. :P

Gutsy Gibbon, then Hardy Heron

หลายคนคงได้อัปเกรดเป็น Ubuntu 7.10 Gutsy Gibbon กันไปแล้ว

  • เปลี่ยนแปลงใหญ่สุดคงจะหนีไม่พ้น Compiz Fusion by default เครื่องใหม่ๆ หน่อยก็เล่น desktop effect กันเป็นที่ลื่นหัวแตก
  • ฮาร์ดแวร์ MacBook ไปกันได้สบายๆ .. sensor ก็ทำงานได้แล้ว (MacBook C2D มี sensor อุณหภูมิ 14 ตัว! บ้าไปแล้ว !) .. Airport Extreme ยังคงต้องพึ่ง ndiswrapper ไปก่อน .. ปัญหา grub กับ keyboard ดูเหมือนจะหายไปแล้ว :D
  • OO.o 2.3 ตัวที่มากับ Gutsy ใช้ภาษาไทยเมื่อไหร่บรรลัยเกิด ปัญหานี้รู้กันตั้งแต่ออก OO.o 2.3 มาแล้ว แต่ แก้ได้ไม่ยาก ต้องขอบคุณคุณ sugree และอีกหลายคนที่ปั่นจนทัน Gutsy รีลีส
  • Firefox ภาษาไทยเพี้ยนนิดหน่อย เลย MOZ_DISABLE_PANGO=1 ใน /usr/bin/firefox ทีเดียวหาย
  • ซอฟต์แวร์นอก official repo ยังใช้งานได้ดี (e.g. cxoffice, cedega, opera, virtualbox, …)
  • wine, getdeb.net ก็ทยอยออก package สำหรับ Gutsy แล้ว

etc. etc.

สรุปว่าน่าใช้ยิ่งกว่าเดิมละกัน :)

รุ่นหน้า Ubuntu 8.04 LTS กลับมาใช้ codename ตัว "H" อีกครั้ง โดยใช้ codename ว่า "Hardy Heron" .. นกกระสาผู้แข็งแกร่ง มาพร้อมกับ support ยาวๆ 3 ปี / 5 ปี .. เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ 6.06 กันอยู่ก็คงได้อัปเกรดซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันใหม่ๆ กันซะที :)

Dmix, I hate you !

สังเกตว่าตั้งแต่ Feisty เป็นต้นมา ALSA จะ enable dmix dsnoop softvol by default ทำให้สามารถ playback, record audio ได้หลาย stream ในเวลาเดียวกัน ไม่ต้องใช้ ESD หรือ Sound Daemon อื่นๆ กันแล้ว …. แต่นั่นต้องแลกมาด้วยคุณภาพเสียงที่ลดลง เพราะ dmix dsnoop มันก็คือ mixer software ที่ต้องทำงานโคตรเร็วเพื่อไม่ให้เกิด delay จนรู้สึกได้ แปลว่ามันจะ buffer stream ไว้น้อยมาก mix แล้ว playback ออก คุณภาพมันก็จะไม่ค่อยดี เปิด volume สูงๆ ก็จะมี noise บ้าง เสียงแตกบ้าง .. ถ้าจะเอาคุณภาพดีก็ต้องเพิ่ม buffer ทำให้ delay สูงขึ้นเวลาเล่นเกมภาพไปทางเสียงไปทาง ..

วันนี้นั่งฟังเพลง noise มา left channel มั่ง right channel มั่ง .. ฮึ่ยยย .. อุตส่าห์มี HD Audio ดันมา bottleneck กะ dmix ซะนี่ .. ไม่ทนมันแล้ว เอาออกซะเลยดีกว่า ! .. กะจะพึ่งพา Google หาไปหามา สุดท้ายก็มานั่งเขียน ~/.asoundrc เองเหมือนเดิม (- -‘) ..

เอา Hardware PCM ตูคืนมาเลย !

pcm.!default {
    type plug
    slave.pcm "plughw:0,0";
}

Reboot เพื่อความชัวร์ .. noise หายเป็นปลิดท้ิง play/record audio ได้ stream เดียวก็ช่าง สบายใจแล้ว :D