ดองไว้นานแล้ว :P
[singlepic id=382]
แก้บั๊ก แต่งสวย ย้ายไปใช้ libglade
Download:
- tar.gz: gdictthai-0.0.2.tar.gz
- tar.bz2: gdictthai-0.0.2.tar.bz2
deb package for Ubuntu 5.10 breezy badger: gdictthai_0.0.2-1.kit.1_i386.deb
ดองไว้นานแล้ว :P
[singlepic id=382]
แก้บั๊ก แต่งสวย ย้ายไปใช้ libglade
Download:
deb package for Ubuntu 5.10 breezy badger: gdictthai_0.0.2-1.kit.1_i386.deb
blog ช้าไปหน่อย .. better late than never :P
stable kernel ตัวแรกของปี ออกเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2549 ที่น่าสนใจสุดคงเป็นเรื่อง shared subtree ที่จับรวมเข้าไปอยู่ใน VFS เรียบร้อย แรงผลักของ shared subtree อย่างแรก มาจาก files-as-directories ซึ่งเป็นฟีเจอร์นึงใน Reiser FS สำหรับสร้าง hardlink ไปยังไดเรกทอรี่ได้ แต่เอาเข้าจริงๆ การใช้งานของ Reiser FS เกือบทั้งหมด disable ฟีเจอร์นี้ ไว้เพราะมีปัญหาใหญ่เรื่อง deadlock ก็เลยต้องหา solution กันอยู่ แรงผลักอย่างที่สองคือ per-user namespace ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้แต่ละคนเสมือนกับมี namespace บนระบบไฟล์ของตัวเอง ออกจะคล้ายๆ mount -o bind แต่เรื่องสิทธิของไฟล์หรือไดเรกทอรี่ที่แชร์อยู่ด้วยกันจะซับซ้อนกว่า shared subtree สนับสนุนการ mount ได้หลายแบบ เช่น แบบ shared slave private และ unbindable กำหนดได้ว่า mount จะ forward / receive propagation หรือไม่ก็ได้ ฯลฯ รายละเอียดค่อนข้างยาว ไว้ว่างๆ ค่อยมาเล่าให้ฟังเพิ่ม
เปรียบเทียบกับ 2.6.14
นอกเหนือจากนี้ก็มี CPU hotplug เดิม enable/disable ได้ ตอนนี้เพิ่มจำนวนได้ .. page table จัดการใหม่ช่วยให้ระบบ multiprocessor มี scalability ดีขึ้น ค่าปริยายคือ enable เมื่อ CPU >= 4 ตัว แพตช์นี้ข้อดีคือใช้งานกับ CPU จำนวนมากๆ ได้ดีขึ้น แต่อาจจะทำให้มี latency มากขึ้นอีกนิด .. ที่ต้องพิจารณาอีกอย่างคือ 2.6.15 re-structure ของ driver core ใหม่ทำให้ทำ nested structure ได้ ผลกระทบคือต้องใช้กับ udev >= 071 .. เท่าที่ใช้กับ udev 062 ก็ยังปกติดี YMMV
ขัดตาทัพด้วยหนังสือหนึ่งเล่ม .. :P
ชายหญิงหนึ่งคู่ตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นเคยพร้อมกับความทรงจำที่สูญเสียไป จำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง .. เมื่อสำรวจตัวเองก็พบว่ามีข้อความ “เลเวล 7” ติดอยู่ที่ข้อพับของแขน .. และเมื่อสำรวจห้องไปรอบๆ ทั้งสองก็พบกระเป๋าบรรจุเงินหลายสิบล้าน ปืน และผ้าเปื้อนเลือด .. ทั้งสองพยายามตามหาตัวเองให้เจอ โดยได้รับความช่วยเหลือจากชายที่อยู่ห้องข้างๆ …
อีกฟากหนึ่ง เด็กสาวชื่อ มิซาโอะ หนึ่งหายตัวไป .. ชินเงียวจิ เอ็ตสุโกะ เพื่อนทางโทรศัพท์ของมิซาโอะไม่สบายใจและเริ่มตามหาเธอ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจกับการหายตัวไปของมิซาโอะเลย แม้แต่ครอบครัวของมิซาโอะเอง .. ขณะเอ็ตสุโกะกำลังตามหาก็ได้พบไดอารีของมิซาโอะบันทึกไว้ก่อนจะหายตัวไปว่า “พรุ่งนี้จะลองไปให้ถึง เลเวล 7 อาจจะกลับมาไม่ได้ ?” .. นั่นเป็นครั้งแรกที่เอ็ตสุโกะสะดุดกับคำว่า “เลเวล” .. ขณะที่เธอตามหาตัวมิซาโอะ เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากมิซาโอะ “คุณชินเงียวจิ .. ช่วย..” .. เอ็ตสุโกะสังหรณ์ว่ามิซาโอะกำลังตกอยู่ในอันตราย
การตามหาตัวตนของสองหนุ่มสาวกับการตามหามิซาโอะของเอ็ตสุโกะ มาบรรจบที่คนๆ เดียวกัน .. ‘ฆาตกร’
ฆาตกรรมระดับ 7 แปลมาจากเรื่อง Level 7 ของ มิยาเบะ มิยูกิ นักเขียนที่ได้รับรางวัลมากมายในญี่ปุ่น .. หลังจากได้อ่านผลงานของมิยาเบะเรื่อง ‘เสียงกระซิบสังหาร’ ไปเมื่อนานมาแล้ว ตอนแรกก็ไม่ประทับใจเท่าไหร่ แต่ได้อ่านรอบ 2-3 กลับชอบแฮะ .. พอเห็นว่า ฆาตกรรมระดับ 7 เป็นงานของมิยาเบะ ก็เลยซื้อมาอ่านโดยไม่ต้องเปิดก่อนเลย แล้วก็ไม่ผิดหวัง ฆาตกรรมระดับ 7 ยังคงมีเสน่ห์ในการปู background ใช้ตัวละครที่เป็นคนธรรมดาๆ สื่อให้เห็นแรงจูงใจไปสู่การกระทำแต่ละอย่างได้ชัดเจน กระนั้นก็ยังดำเนินเรื่องในจังหวะที่ไม่ช้าเกินไป ชวนอ่านชวนติดตามไปจนจบ
/me .. ประทับใจหน้าสุดท้าย :)
หยุดปีใหม่ตะกี้ ไปเที่ยวภูพระบาทกับภูหลวง ได้ภาพมาฝากเยอะแยะ
[nggallery id=53]
[nggallery id=54]
เล่มเจ็ดของซีรีส์แมวสามสียอดนักสืบ เป็นเล่มรวมเรื่องสั้นหกเรื่อง คือ
อ่านสนุกทั้งหกตอน และที่เด่นที่สุดในเล่มนี้ก็น่าจะเป็นคดีนิทรรศการฆาตกรรมที่เอามาเป็นชื่อตอนประจำเล่มเจ็ดนี่แหละ
May the source be with you !
จาก ม. แม่ฟ้าหลวง เข้ากรุงเทพ ก็มุ่งหน้าตรงไปงานนี้เลย :D
[nggallery id=52]
วันที่ 15 -16 ที่ผ่านมา มีโอกาสไปทำ working group ที่ ม. แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย .. ลือกันว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยนัก .. ก็เลยแบกกล้องไปด้วย
[nggallery id=51]
ในที่สุดก็มีคนพบศพของ ท์ซุบากิ ฮิเดะสุเกะ เจ้าบ้านตระกูลไฮโซผู้รักการเป่าฟลุตที่หายตัวไปอย่างลึกลับ .. หลายคนคิดว่าท์ซุบากิอาจจะฆ่าตัวตายเนื่องจากเขาเคยเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอันโด่งดังคดีหนึ่ง .. เรื่องราวสยองขวัญเริ่มต้นตรงที่ลูกสาวของท์ซุบากิเริ่มไม่แน่ใจว่าศพที่พบเป็นพ่อของตัวเธอจริงๆ แถมมีคนในครอบครัวเคยเห็น ท์ซุบากิ ตัวเป็นๆ อีกด้วย .. เธอจึงขอให้ คินดะอิจิ มาสืบดู .. ยิ่งคินดะอิจิสืบเรื่องก็ยิ่งบานปลายไปเรื่อยๆ ทั้งความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงระหว่างสามตระกูลพี่น้องไฮโซ และการฆาตกรรมในตระกูลที่มาพร้อมกับเสียงฟลุต อันเป็นที่มาของชื่อตอน “บทเพลงปิศาจ” .. หรือ ท์ซุบากิ จะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ?
ตอนที่สามนี้ใช้ชื่อ Akuma ga kitarite fue wo fuku เปลี่ยนคนแปลมาเป็น ชมนาด ศีติสาร อ. คณะอักษร จุฬาฯ แต่ยังคงเป็นคดีฆาตกรรมเจือด้วยเรื่องลึกลับที่ทำให้เรื่องราวซับซ้อนน่ากลัวยิ่งขึ้น ตามสไตล์ของ โยโคมิโซะ เซชิ เหมือนเดิม :)
เล่มที่หกของซีรีส์ มิเกะเนะโกะ โฮล์มส์ อ่านจบไปนานมากแล้ว แต่ไม่ได้เขียนบันทึกซะที พอจะเขียนก็ลืมหมดแล้วเลยได้อ่านใหม่อีกรอบ ในตอนที่หกนี้ ยังไม่เข้าบทที่หนึ่งก็เจอคดีฆาตกรรมอันเป็นจุดเริ่มต้นเลย เด็กหญิงมัธยมถูกฆาตกรรมและอำพรางคดีอีกชั้น พี่น้องคาตายามาก็บังเอิญเหลือเกินที่โผล่ไปอยู่ในเหตุการณ์ก็เลยได้เป็นเจ้าของคดี .. เพราะเป็นเรื่องของเด็กนักเรียน คดีเลยวนเวียนอยู่ในโรงเรียน .. หลังเด็กสาวถูกฆาตกรรม ก็มีเหตุการณ์อื่นๆ เกิดตามมาอีกหลายเรื่อง แม้เหตุการณ์จะดูไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เกือบทั้งหมดเชื่อมโยงไปสู่ชมรมเรื่องลี้ลับของโรงเรียนแทบทั้งสิ้น .. ฆาตกรน่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมนี่แหละ แต่จะเป็นใคร ทำไปเพราะอะไร และสร้างสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างไร พี่น้องคาตายามาและแมวสามสีจะต้องเป็นฝ่ายคลี่คลายคดีอันแสนจะปวดหัว
อ่านไปสาม-สี่รอบแล้วก็ยังสนุกนะ :D