ประมาณต้น-กลางเดือนที่ผ่านมา มีข่าวที่น่าสนใจอยู่สามข่าวที่เกือบจะเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน และเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่วัน
เรื่องแรก คือการที่ Oracle เข้าซื้อกิจการของ Innobase บริษัทที่สร้างเอ็นจินฐานข้อมูล InnoDB ที่เป็นหนึ่งในเอ็นจินของ MySQL … แม้ว่า MySQL จะมีเอ็นจินอื่นๆ ใช้งานแต่ฟีเจอร์ขั้นสูงๆ หลายๆ อย่างยังจำเป็นต้องทำงานบน InnoDB (e.g., cascade) หาก MySQL AB ยังต้องการใช้งาน InnoDB ในผลิตภัณฑ์ตัวขาย ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะต้องจ่ายค่าสัญญาอนุญาตให้กับ Oracle ซึ่งจะทำให้ราคาของซอฟต์แวร์ MySQL สูงขึ้นแน่ ส่วนซอฟต์แวร์ตัวที่ยังเปิดเสรี การจะต่อรองให้ Oracle ยอมให้ MySQL ตัวเสรีใช้ InnoDB ได้ฟรี/เสรีแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะที่ผ่านมา Oracle ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่ต่อรองได้ยากที่สุด การเข้ามาของ Oracle เลยดูเหมือนจะเป็นภัยคุกคามชุมชนโอเพนซอร์ โดยเฉพาะผู้ใช้งาน MySQL .. อย่างไรก็ตามรหัส InnoDB รุ่นล่าสุดยังคงเป็น GPL อยู่ ถึง Oracle จะซื้อกิจการ Innobase ไปแล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนสัญญาอนุญาตนี้ได้ จุดนี้จึงเป็นโอกาสของชุมชนหรือ MySQL AB ที่จะพัฒนา InnoDB ตัวเสรีต่อได้ ถ้าต้องการจะทำกันจริงๆ .. แตแน่นอนว่า InnoDB รหัสเสรีคงชะงักไปสักพัก
เรื่องที่สอง Check Point บริษัทที่เชี่ยวชาญระบบความปลอดภัยเข้าซื้อกิจการของ Sourcefire ที่เป็นผู้สร้าง Snort – Network-based IDS .. งานนี้ดูเหมือนจะเป็นภัยคุกคามกับชุมชนโอเพนซอร์สและผู้ใช้ในลักษณะเดียวกับกรณีของ Oracle/Innobase .. แต่ยังมีความต่างตรงที่ Check Point ได้ส่งสัญญาณเชิงบวกว่าจะ fully committed กลับไปยังรหัสเสรีของชุมชน .. Snort ยังมีความต่างอีกอย่างคือ มูลค่าเชิงพาณิชย์ไม่ได้อยู่ที่ซอร์ส หรือบริการของตัวซอฟต์แวร์ แต่ไปอยู่ที่ rules ในการตรวจจับการบุกรุก .. ส่วนนึง Sourcefire ได้รวมกฏให้ฟรีใน Snort (GPL) อยู่แล้ว แต่ก็มีการทำธุรกิจของ rules ที่มีความซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูงๆ ด้วย และผู้ใช้หลายๆ คนก็ได้ซื้อหา rules เหล่านี้มาใช้เป็นเรื่องเป็นราวอยู่พอสมควร หากผู้ใช้ยังยินดีจ่ายเพื่อซื้อ rules เหล่านี้ การจะเปลี่ยนจาก Sourcefire เป็น Check Point คงไม่ทำให้รู้สึกอะไร กรณีของ Check Point/Sourcefire เลยผลกระทบค่อนข้างเบากว่า Oracle/Innobase
เรื่องที่สาม Nessus เลิก GPL และหันไปเลือกวิธีการพัฒนาแบบปิดรหัสต้นฉบับแทน เหตุผลก็คือ Nessus มีชุมชนที่ร่วมพัฒนาเล็กมากและประสบความล้มเหลวในการหานักพัฒนามาช่วยกันทำ nessus และบริษัทเองมีไอเดียว่า หากทำเป็น GPL แล้วทำธุรกิจได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย (เพราะทุกคนเข้าถึงรหัสได้ฟรี/เสรี) แถมผู้ร่วมพัฒนาจากภายนอกก็แทบจะไม่มี ก็ไม่มีเหตุผลที่จะคง GPL ไว้ ปิดรหัสแล้วขายเชิงพาณิชย์ไปเลยดีกว่า ..
สรุป จะเห็นว่าภัยคุกคามกับชุมชนโอเพนซอร์สไม่ได้มีเพียงแค่ FUDs เหมือนแต่ก่อนแล้ว การเข้าซื้อกิจการก็เริ่มเป็นมุกที่เล่นกันบ่อยขึ้น ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สมีศูนย์กลางที่ชุมชนนักพัฒนา หากชุมชนเล็ก อ่อนแอและยังต้องพึ่งพา source maintainer ที่เป็นบริษัทมากๆ (อย่าง Innobase, Nessus) การเข้าซื้อกิจการก็จะส่งผลกระทบค่อนข้างแรง โอกาสที่การพัฒนารหัสเสรีจะหยุดชะงัก หรือหยุดไปอย่างถาวรก็มีสูง ..
แต่ในแง่ดี เรื่องนี้น่าจะพอตอบคำถามเรื่องคุณภาพของซอฟต์แวร์เสรีได้ว่ามันดีถึงขนาดที่บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Oracle หรือ Check Point เริ่มหนาวๆ ร้อนๆ ได้เหมือนกัน :)