หมู่นี้รู้สึกว่าบันทึก blog ไม่ค่อยสม่ำเสมอเหมือนแต่ก่อน มีเหตุสุดวิสัยบ้าง ลืมบ้าง ขี้เกียจบ้าง (อย่างหลังเกิดบ่อย) .. ก็จะมีรายการบันทึกรวบยอดสองวันสามวันบ้าง อย่างเช่น blog วันนี้เป็นต้น..
เมื่อวานนี้ตื่นเกือบเที่ยง นัดแนะกับเสี่ยต้น โชค พี่ดุลย์ ว่าจะไปงานคอมมาร์ตกัน .. กว่าจะได้ออกจริงๆ ก็เกือบบ่ายสอง ไปถึงงานคอมมาร์ตบ่ายสามกว่าๆ ไม่มีจุดประสงค์ในการมางานนี้ซักเท่าไหร่ เลยเดินเล่นดูบูธโน้นบูธนี้ไปเรื่อยๆ .. ผมกะไปดูราคากล่้องดิจิทัลเทียบกับร้านทั่วไป ก็พบว่ามันไม่ค่อยถูก ที่จริงต้องบอกว่าบางรายการแพงกว่าที่ขายตามร้านทั่วไปด้วยซ้ำ ส่วนอุปกรณ์คอมฯ แทบไม่ได้ดูเลยเพราะถ้าอยากจะซื้อผมได้ราคาดีลเลอร์อยู่แล้ว :P … สรุปก็เลยเดินดูงานไปเรื่อยๆ สะสมโบรชัวร์ ใบราคาสินค้า อย่างหลังนี่หายากมาก แต่ละร้านไม่ยอมแจกเลย อยากรู้ต้องถามและต่อรองกันเอาเองเป็นรายๆ ไป ผมไม่ค่อยชอบวิธีนี้เพราะช้า เปรียบเทียบยาก ตัดสินใจก็ยากตามไปด้วย แถมผู้ซื้อต้องยืนคุยกับผู้ขายนานๆ จนคนล้นหน้าร้าน .. ก็เข้าใจอยู่ว่าเป็นวิธีป้องกันตัวของร้านค้านั่นล่ะ จะได้ปรับราคาได้คล่องตัว แต่ถ้างานคอมพ์ยังเป็นแบบนี้ไปเดินห้างไอทีดีกว่า..
สรุปเรื่องสินค้า งานนี้ก็คงเหมือนทุกครั้ง และทุกปี ตั้งแต่สมัยงานคอมพิวเตอร์ไทยโน่น คือของไม่ได้ถูกกว่าร้านห้างไอทีเลย .. สิบปีที่แล้วเคยเหมารถตู้มาจากขอนแก่น แต่ละคนตั้งใจมาซื้อคอมพ์ในงานโดยเฉพาะ พกตังค์รวมกันแล้วหลายแสน แต่สุดท้ายก็ได้ไปซื้อที่พันธุ์ทิพย์ เพราะในงานไม่ถูกจริง ต่อรองยาก ประมาณว่าลูกค้าเยอะแล้วไม่ง้อ
อีกมุมหนึ่ง รู้สึกว่างานคอมพ์เริ่มเหมือนมอเตอร์โชว์ขึ้นทุกวันเพราะเริ่มจะมีรอบโชว์พิเศษแล้ว อย่างในครั้งนี้ก็มีบูธนึงที่เอาเชียร์ลีดเดอร์ทีมแชมป์ประเทศไทยมาโชว์ .. ส่วนบูธไมโครซอฟต์ ขนฮาร์ดแวร์มาขายเยอะ เลยเดินผ่านไปดูเมาส์นิดนึง แปะป้ายลด 50% เขียนตัวเล็กๆ มุมๆ ว่าเมื่อซื้อชิ้นที่สอง .. เวง ..และที่ โฆษณาซะเว่อร์ว่าเป็นนวัตกรรมสุดยอด ไมโครซอฟต์คีย์บอร์ดกันน้ำได้ (- -‘) .. คือ .. เมื่อสิบปีก่อนน่ะ เวลาทดสอบโน้ตบุ๊กเขาเอากาแฟร้อนราดคีย์บอร์ดด้วยซ้ำไป .. แล้วคีย์บอร์ดท่านมันนวัตกรรมตรงไหนฟะ .. พี่ดุลย์ติดใจสาวหมวยบูธ Easy Write เป็นพิเศษ .. Epson ยังคงรักษามาตรฐานไว้เหมือนเดิม (จำได้ว่า สมัยมางานคอมพิวเตอร์ไทยเมื่อหลายปีก่อนโน้น รุ่นน้องเคยวิ่งหน้าตาตื่น พร้อมยกนิ้วโป้งทั้งสองมือ บอกว่า “พี่ๆ บูธเอ็ปสัน สุดยอดๆ” ) .. Segway ตัวโตกว่าที่คิด ราคาแค่สองแสนห้า (- -‘).. คนที่โชว์ Segway ยังเล่นไม่เก่ง เหมือนกลัวจะล้ม หรือไม่ก็เครื่องเจ๊ง .. ผมเคยเห็นเดโมของเมืองนอก เล่นได้โคตรคล่อง ยังกะเต้นรำ จนต้องยอมรับว่า Segway ตอบสนองการเคลื่อนไหวได้เร็วมาก แทบไม่ต้องกังวลเรื่องล้มหน้าแตก (.. หรือหน้าแหก) .. อ่อ /. เคยลงบทความสร้าง Segway ด้วยตัวเอง ถูกกว่าหลายเท่าตัว ..
ออกมาจากงานราวๆ หกโมง มีเสี่ยต้นเสียตังค์คนเดียว (ซื้อแผ่น DVD+R) คนอื่นๆ เสียแต่ค่ามอเตอร์ไซต์รับจ้าง .. ขากลับแวะกินข้าวที่ฟอร์จูน ผมเสียตังค์ซื้อวีซีดีไปแผ่นนึง พี่ดุลย์เสียตังค์ซื้อเป๊บซี่สองขวดเห็นว่าลดราคา … ออกจากฟอร์จูนสองทุ่มหันมาเจอป้าย Kill Bill vol.2 หน้าโรบินสัน รัชดา เลยวางแผนไปดูกันที่เมเจอร์รัชโยธิน .. พอไปถึงปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ รปภ. ปิดทางเข้าหมดเลย ไม่มีที่จอด .. เปลี่ยนแผนไปเมเจอร์รังสิตแทน .. ทันรอบสามทุ่มพอดี ได้นั่งใกล้ชิดดารามาก (แถว H .. เกือบๆ จะหน้าสุด) .. ดูได้ไม่เต็มจอ เวียนหัวเอาเรื่อง
Kill Bill vol.2 ไม่ค่อยจะประทับใจเท่า vol.1 ออกจะจืดๆ เนือยๆ แทบไม่มีมุขอะไร ไม่มีฉากที่ต้องพูดถึงเป็นพิเศษ เหมือนจะดำเนินไปเพื่อคลี่คลาย เฉลยเรื่องราวทั้งหมดที่ขมวดไว้ตอนภาคแรก แล้วก็จบกันไปเฉยๆ ยังกะไม่ใช่ฝืมือทารันทิโน .. หรือจะพูดอีกอย่าง คือภาคนี้ให้คนอื่นสร้าง/กำกับก็คงไม่ต่างกัน .. ส่วนตัวชอบ เดวิด คาราดีน แสดงได้เก๋า มาดนิ่ง บุคลิคคล้ายๆ หนัง/ซีรีส์แนวศิลปะการต่อสู้ฝั่งตะวันออกที่เคยแสดงมาก่อนหน้านี้ และลูกสาวของเดอะไบรด์ “บี.บี.” แสดงโดย เพอร์ลา ฮานีย์-จาร์ดีน (Perla Haney-Jardine) .. น่ารักโคตรๆ ใครเห็นก็ต้องยิ้ม :)
กลับมาห้องแล็บ กลิ่นสีน้ำมันยังไม่จางเท่าไหร่ นั่งสักพักก็ปวดหัวอีก เลยกลับมาออนไลน์ที่หอพัก .. เข้า #tlwg .. จนหลับ
ตื่นมาวันนี้เกือบห้าโมงเย็น นอนจนเมื่อย .. ลุกมาหาข้าวกิน แวะห้องแล็บอีกที .. โอ้ ยังมีกลิ่นชวนปวดหัวอยู่ เลยกลับมาหอเหมือนเดิม มีคิวอัปเดตแพ็กเกจอีกเยอะมากร่วมสามสิบแพ็กเกจ .. แต่งานเร่งด่วนเวลานี้คือเขียนรายงานวิทยานิพนธ์ฉบับเต็มที่มลายหายไปกับฮาร์ดดิสก์ตัวก่อน (ฮาร์ดดิสก์เจ๊งคราวนั้นเล่นเอาเข็ดไปอีกนาน เรียกได้ว่าล้มละลายทางข้อมูล ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเลย rsync สำรองข้อมูลสำคัญๆ ไปเก็บไว้อีกเครื่องนึงด้วย) .. ดังภาษิตหมากล้อมกล่าวไว้ว่า “งานเร่งสำคัญกว่างานใหญ่” เรื่องแพ็กเกจระยะนี้คงอัปเดตช้าลง :P
อ่อ ลืมไปเรื่องนึง รุ่นน้องที่เอไอทีลอง enable bytecode interpreter ใน FreeType บน Gentoo แล้วรายงานมาว่าตัวหนังสือสวยขึ้นเยอะ ผมเลยลองทำแพ็กเกจ FreeType ใหม่โดย enable bytecode interpreter ด้วย ผลก็คือ ฟอนต์ที่มี hint ดีๆ เรนเดอร์ออกมาได้สวยมาก อย่าง Tahoma นี่ตัวหนังสือสวย เส้นคม เหมือนวินโดวส์เลย ส่วนที่ไม่มี hinting อย่าง Loma ก็ดูเป็นคลื่นดังคาด … Tahoma จัดอยู่ในชุด core font ตาม EULA แล้ว end-user โหลดเอามาใช้งานได้ฟรี แต่ห้ามเผยแพร่ ฟอนต์อื่นๆ ของไมโครซอฟต์วินโดวส์ถ้าต้องการใช้อย่างถูกต้อง ควรมีไลเซนส์ของวินโดวส์ด้วย (ซึ่งผมมีมากับโน้ตบุ๊กอยู่แล้ว.. หุๆๆ ^^) .. ส่วน bytecode interpreter มีสิทธิบัตร (ของ Apple Inc. ?) คุ้มครองอยู่ ผมจึงเผยแพร่ตัว pre-compiled binary ไม่ได้ (ที่จริงอาจจะได้เพราะประเทศไทยไม่มีการคุ้มครองสิทธิบัตรซอฟต์แวร์) ถ้าใครสนใจจะใช้งานก็ต้องคอมไพล์กันเอง .. source-based อย่าง Gentoo ก็ emerge ได้ไม่ยากเย็นอะไร ส่วน RPM-based เอา src.rpm มา rebuild โดย enable bytecode interpreter ได้เช่นกัน FreeType มี depend ไม่กี่ตัว build ไม่ยากครับ :)