TLE People Repository

เจอเรื่องน่าสนใจ วันนี้เลยเอามาฝาก

Owen Taylor เขียนบทความเกี่ยวกับการเรนเดอร์ฟอนต์ไว้ที่ Rendering good looking text with resolution-independent layout .. เรนเดอร์ฟอนต์ให้สวยนี่ยากเอาเรื่อง

Jeff Waugh สรุปสิ่งที่ (อาจจะ) มีใน GNOME 2.8 ไว้ใน 28 Simple (and not so simple) Things to Improve in GNOME 2.8

Repository มี GIMP 2.1.0 ใช้งานบน GNOME 2.6 และ GNOME-PPP ฟรอนต์เอ็นด์สำหรับ wvdial .. สาวก GNOME ไม่ต้องง้อ KPPP แล้ว (มั๊ง :P)

หากไม่อยากรอรีลีสผ่าน official ของทะเล และต้องการ apt จาก people โดยตรงก็ได้ครับ (คำเตือน: แพ็กเกจใน people ถือว่าอยู่ในสถานะ ‘unstable’ นะครับ อาจกระทบ dependencies ของระบบได้) แก้ไฟล์ /etc/apt/sources.list โดยเพิ่ม

# Kitty people repository
rpm  ftp://ftp.opentle.org/people/kitty/ samila proposed-updates
rpm  ftp://ftp.opentle.org/people/kitty/ unstable main

‘samila proposed-updates’ ผม build บน stable branch ของทะเล 5.5 ส่วน ‘unstable’ ผม build บน unstable/testing แพ็กเกจบางตัวอาจจะใช้กับ ทะเล 5.5 ไม่ได้นะครับ

Update: Dillo กับ PearPC อยู่ใน kitty-extras แล้วนะครับ ใครใช้ทะเล 5.5 อยู่ ไม่ต้องแก้ไขเพิ่มเติม สามารถ apt-get ได้เลยครับ ติดตั้ง Dillo ได้โดย

apt-get install dillo

และ ติดตั้ง PearPC ได้โดย

apt-get install pearpc

.. ใครเครื่องแรงๆๆ และมีแผ่นติดตั้ง OSX ในมือ ลองติดตั้งบน PearPC ดูนะครับ ^-^

Jazz up your life

ไม่เกี่ยวกับฮอนด้า หรือพอลล่า … แต่เป็นดนตรีที่ผมชอบต่ะหาก :)

ผมเริ่มฟังเพลงตอน ม. ต้น เพราะไปอาศัยอยู่กับพี่ชายที่ชอบดูหนังฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ .. ผมกับพี่ดี้ มักจะแวะไปซื้อเทปที่ร้านอาเจ็ก (เป็นที่รู้กันว่าร้านไหน) ตั้งแต่สมัยอาเจ็กขายเทปพีค็อกม้วนละยี่สิบสามสิบบาท ก็ได้อาศัยเทปเถื่อนนี่ละเป็นที่เสพดนตรี .. พี่ดี้ผมเขาก็ซื้อฟังไปเรื่อย ติดตามศิลปินดังๆ หลายคนที่ชอบ และที่ต้องซื้อทันทีที่หาเจอก็พวกเพลงซาวด์แทร็ค ผมก็อาศัยฟังเทปที่มีอยู่หลายร้อยม้วนนี่ล่ะ ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง ก็ว่ากันไป แต่เรียกว่าเป็นการปูพื้นในการเลือกฟังเพลง

สถานีวิทยุขอนแก่นสมัยนั้น เอาสัญญาณจากกรุงเทพฯ มาออกอากาศด้วย .. ถ้าไม่ฟังเทปก็จะฟังวิทยุนี่ล่ะ เหมือนเป็นช่วงเปลี่ยนยุคของตลาดเพลงเมืองไทย เพลงกระแสหลักสมัยประถมหายไป ค่ายเพลงเริ่มโยนหินถามทาง มีโฆษณาโดนๆ ก็ของ อัสนี วสันต์ อัลบั้มแรกที่ดังพลุแตก .. ชรัส เฟื่องอารมณ์ร้องเพลงคู่กับมาลีวัลย์ .. และในช่วงใกล้ๆ กันนั้น มีแหวกแนวคือ The Candle Light Blues ของอินฟินิตี้โผล่มา .. ฟังจากโฆษณาแล้วรุ่งขึ้นไปร้านเทปหามาฟังเลย อินฟินิตี้เลยกลายเป็นวงดนตรีที่พาเข้าสู่โลกของดนตรีแจ๊ส ..และเริ่มเบนเข็มจากฟังทุกแนว มาฟังเพลงแจ๊สมากขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

คนทั่วไปมักจะพูดกันว่าแจ๊สเป็นดนตรีที่ฟังไม่รู้เรื่อง หรือไม่ก็หัวสูง และมักพูดออกโทนหมั่นไส้มากกว่าชื่นชม .. ผมว่าดนตรีแต่ละแบบมันเทียบไม่ได้หรอก เพลงแจ๊สไม่ได้ดีกว่าลูกทุ่งหมอลำ มันคนละมิติ คนละโดเมนกัน ที่สำคัญคือไม่ควรอย่างยิ่งที่จะแบ่งวัดคนฟังด้วยดนตรี การแบ่งชนชั้นในสังคมก็นับว่าแย่แล้ว นี่ยังไปเอารสนิยมเป็นตัววัดอีก .. เฮ่อ

ว่าจะเล่าต่อเรื่องดนตรีแจ๊ส แต่คิดว่าจะยาวเกิน blog .. เขียนไปใส่ห้องหนังสือเลยดีกว่่า .. วันไหนเขียนเสร็จจะมายัดเยียดให้อ่านครับ :P

Repository มีอัปเดต gaim 0.78 และ sylpheed 0.9.11

วันนี้วิสาขบูชา ห้อง #tlwg บอกว่า งดบ้าหนึ่งวัน และคอมไพล์เคอร์เนล 3 รอบ แทนการเวียนเทียน :P

Erlang

อัปเดตแพ็กเกจช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไปร่วมร้อยตัว .. ประทับใจโปรแกรม K-3D และ Wings 3D เป็นพิเศษ สองโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างภาพสามมิติเหมือนกัน K-3D ดูจากชื่อคงเดาได้ว่าต้องใช้ KDE แน่นอน .. แต่ผิดคาด โปรแกรมนี้ใช้ GTK+ ครับ .. คนเขียนโปรแกรม K-3D โดนถามบ่อยมากเรื่องโยงชื่อ K-3D กับ KDE ขนาดต้องทำ FAQ เรื่องนี้ไว้เลย สรุปไว้ว่า K ใน K-3D ไม่มีความหมายอะไร และไม่เกี่ยวกับ KDE แต่อย่างได้ :P … ก็ท่านก็ตั้งชื่อให้มันงงซะอย่างนั้น ใครเห็นก็ต้องถามสิ .. K-3D ไม่เสถียรเอาเสียเลย ตอนนี้เลยยังไม่รีลีสดีกว่า :P

อีกโปรแกรมนึง Wings 3D เป็นโปรแกรมขึ้นรูปสามมิติแบบโครงลวด คล้ายๆ Mirai หรือ Nendo .. โปรแกรมนี้น่าสนใจตรงที่เขียนด้วยภาษา ‘Erlang

Erlang เป็นภาษาที่มีคนรู้จักไม่มากนัก พัฒนาโดยแล็บคอมพิวเตอร์ของบริษัทอิริคสัน (ที่ทำมือถือนั่นล่ะ) โดยมุ่งไปที่การสนับสนุนโปรแกรมแบบ concurrency, distribution และ fault tolerance เพื่ออิริคสันจะได้เอาไปใช้โปรแกรมอุปกรณ์ในระบบสื่อสารโทรคมนาคม เช่น ตู้ชุมสายโทรศัพท์ หรือ เอทีเอ็มสวิตช์ความเร็วสูง เป็นต้น ปัจจุบัน Erlang ใช้งานกันแพร่หลายพอสมควรในกลุ่มบริษัทสื่อสาร ทั้งในยุโรปและอเมริกา ..

ซอร์สโปรแกรมที่เขียนด้วย Erlang เมื่อคอมไพล์แล้วจะได้เป็น bytecode ทำงานใน VM ของ Erlang .. และเพราะ Wings 3D เขียนด้วย Erlang .. ความลำบากเลยตกมาถึงผมที่ต้องทำแพ็กเกจของ Erlang ก่อน เพื่อจะเอามาคอมไพล์ Wings 3D อีกที แพ็กเกจของ Erlang จะชื่อ OTP อิริคสันเผยแพร่ซอร์สของ Erlang ด้วย Ericsson Public License ซึ่งเป็น modified version ของ MPL .. ดูจากสเต็ปการ build OTP แล้วก็คล้ายๆ คอมไพเลอร์ภาษาอื่นอีกหลายตัว คือ จะสร้างบูตสแตร็ปก่อน เพื่อเอามาคอมไพล์ตัวคอมไพเลอร์อีกที .. OTP build ง่ายกว่าที่คิด แต่เพราะแพ็กเกจใหญ่ (~25 MB) ก็เลยใช้เวลาเยอะหน่อย ส่วน Wings 3D ไปเสียเวลาแฮ็กตัวติดตั้งอยู่นาน แก้/ลองผิดลองถูกหลายรอบ สิริรวมแล้วชุดนี้ใช้เวลาร่วมครึ่งวัน

คืน 31 พ.ค. – 1 มิ.ย. เครื่องเบลดันดีระงับการใช้งานชั่วคราวเพราะจะจัดระบบสายกันใหม่ แจ้งมาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ ว่าจะดาวน์แค่สามชั่วโมง เอาเข้าจริงๆ สิบโมงเช้าถึงจะใช้งานได้ตามปกติ :P

Dillo + thai patch

Build / Rebuild ทั้งคืน + ดู Band of Brothers ไปด้วย (ฮุๆๆ ดีใจ หามาตั้งนาน) .. สถานะตอนนี้ทำมาสองวันได้ 72 แพ็กเกจแล้ว ยังเหลืออีกราวๆ 40 ที่ต้องทำต่อ ตั้งใจจะทำให้เสร็จก่อนวันจันทร์ที่จะถึงนี้

หลายวันก่อน มีคนถามใน #tlwg ว่า browser ตัวไหนทำงานได้เร็วๆ บ้าง สมาชิกในห้อง #tlwg ช่วยกันตอบ และก็มีชื่อ Dillo อยู่ในนั้นด้วย .. พูดถึง Dillo ซักนิด ..Dillo เป็นเบราเซอร์ที่เขียนด้วย C เพียวๆ มี footprint เล็กมาก ทำงานเร็ว เพราะใช้ bitmap font ใช้ GTK+ 1.x และตัดโครงสร้าง HTML ที่ซับซ้อนมากๆ ออกไปหมด ซึ่งกลายมาเป็นข้อด้อยของ Dillo คือไม่สนับสนุน CSS, HTML Tag บางตัว (เช่น frame) .. และแสดงผลเว็บได้เฉพาะภาษาอังกฤษ

วันนี้เลยพยายามแฮ็ก Dillo ให้แสดงภาษาไทยได้ หลังจากค้นในซอร์สดูก็พบว่า เหตุที่แสดงผลได้เฉพาะภาษาอังกฤษมาจากการเขียนโปรแกรมฮาร์ดโค้ดฟอนต์ที่ charset เป็น ISO-8859-1 ไว้เลย ก็เลยเปลี่ยนเป็น TIS-620 และฮาร์ดโค้ดฟอนต์ sanserif ของคุณไพศาลแทน ตอนนี้แสดงภาษาไทยได้แล้ว ทำ rpm ไว้ให้เรียบร้อย ขอเวลาทำ rpm ที่เหลือให้เสร็จก่อน ผมจะ sync ทั้ง rpm และแพตช์ขึ้นเซิร์ฟเวอร์ให้ครับ

.. จัดให้ตามคำเรียกร้อง แยก perl-SDL 1.x และ perl-SDL 2.x เพื่อให้สามารถลงขนานกันได้ ตอนนี้เรียบร่้อยแล้ว หมดปัญหาเรื่องติดตั้ง frozen-bubble ไม่ได้ซะที :P .. ยังมีไลบรารีหลายตัวที่ติดตั้งขนานกันหลายๆ เวอร์ชันไม่ได้ ซึ่งต้องเร่งแก้ภายใน 1-2 สัปดาห์หลัง MrChoke ออก base สำหรับผลิตทะเลเวอร์ชันถัดไป (จะเอาเป็น stage3 จริงๆ อะ ?)

มีข่าวแว่วๆ มาจาก #tlwg ว่าพี่โดมจะจัดคอร์ส LaTeX โดยเชิญพี่เทพมาเป็นวิทยากร ค่าอบรมยังไม่กำหนด (มั๊ง .. ) .. น้องฝ้ายว่า GTK+ น่าจะได้คนเยอะกว่า (ก็อาจจะเป็นอีกคอร์สที่จะจัดต่อจาก LaTeX ?) … ทั้งสองคอร์ส ถ้าจัดกันจริงๆ และผมไม่ติดอะไร ไม่พลาดแน่ :)

The day after tomorrow

ไม่ได้อัปเดต blog อีกแล้ว เมื่อคืนวานเปรี้ยว อยู่ซะดึก ลืมไปว่าเช้าวันนี้มีนัด ..

เช้า .. เข้าไปบริษัท AKCP Inc. หารือเรื่องข้อตกลงในการร่วมมือกันพัฒนาซอฟต์แวร์ระหว่างบริษัท AKCP กับที่ภาควิชาวิศว.คอมฯ ม.ข. ..

บ่ายๆ .. แก้ dependencies ของ vlc ใหม่เพราะอยู่ผิด repository ตอนนี้ apt-get update / apt-get install vlc ได้แน่นอนแล้ว .. เสร็จแล้วก็นั่งจัด repository ใหม่ตามโครงสร้างที่เสนอไปใน http://blog.opentle.org เป็นการทดสอบดูด้วยว่าที่จัดไปนั้นเหมาะสมแล้วหรือยัง .. ย้ายไดเรกทอรีที่เบลดันดีไปๆ มาๆ แล้วก็พลาดจนได้ เสียเวลา re-sync ข้อมูลไปหลายชั่วโมง เฮ่อ..

เย็นๆ .. อ.กีต้าร์ชวนไปดูหนัง The day after tomorrow .. นั่งดูกันสี่คน เนื้อเรื่องก็งั้นๆ ฉากอลังการดี หนังเป็นไงช่างมัน ที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องเพื่อนร่วมชมที่นั่งข้างๆ ต่ะหาก .. เริ่มเรื่องขึ้นมา สุภาพสตรีข้างซ้ายมือผมก็เริ่มหยิบป๊อปคอร์นเข้าปากก่อนเลย .. เธอมากับเพื่อนที่นั่งถัดไปทางซ้าย แต่เธอถือป๊อปคอร์นมือขวา .. อ่อ กะกินคนเดียว ไม่แบ่งเพื่อน .. เธอก็กินจุ๊กๆจิ๊กๆ ของไปไม่หยุด ผมคิดในใจ กินเก่งจังวะ เหลือบไปเห็นต้นแขน โอเค ดูจากสันฐานที่ปรากฏ มั่นใจได้ว่ากินเก่งแน่ๆ … ลอล .. จบจากป๊อปคอร์นเค็มๆ ก็ต้องตามด้วยน้ำเป๊บซี .. เธอก็ดูดน้ำจนเกลี้ยง ที่รู้ว่าเกลี้ยงเพราะ ได้ยินเสียงน้ำ คร่อกๆๆๆๆ .. ไม่หนำใจ เปิดฝาเอาหลอดเขี่ยน้ำแข็งมากินต่อ .. โอ้วว .. ก็ไม่ได้รำคาญอะไรหรอกนะครับ เพราะเธอไม่ได้เสียงดังอะไรมากมาย ยังดีกว่าโทรศัพท์ หรือมานั่งคุย นั่งวิจารณ์ในโรง … ออกมาจากโรงหนัง ผมก็เล่าเรื่องนี้ให้ อ. กีต้าร์ฟัง กลายเป็นว่า อ.กีต้าร์ที่นั่งถัดจากผมไปสามเก้าอี้ก็ได้ยินเสียงเธอดูดน้ำด้วย แล้วก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าไอ้ ‘คร่อกๆๆๆ’ มันเสียงอะไร นึกว่าเป็นเสียงลำโพงเซอร์ราวด์มันแตก .. พี่ดุลย์ถัดไปสองเก้าอี้ก็ได้ยิน แต่นึกไปว่าคงเป็นเอฟเฟ็กต์ในหนัง .. คุยเรื่องนี้ไปก็ขำไป .. ฮาา.. สรุปว่า ต้องขอบคุณสุภาพสตรีคนนั้นเป็นอย่างยิ่ง ..ที่ทำให้การชมภาพยนตร์ของเราได้รับความบันเทิงจาก side story ของเธออย่างคาดไม่ถึง .. ลอลลล

ดึกๆ นั่งทำงาน + แพ็กเกจ + #tlwg .. วันนี้ตัดสินใจ rename package libsigc++ เดิม เป็น libsigc++12 เพื่อให้ลง libsigc++ ขนานกันได้หลายเวอร์ชัน และทำให้เป็นระเบียบด้วย .. ผลก็คือกระทบแพ็กเกจไปสิบกว่าตัว เข้าคิว rebuild / upgrade กันไป คาดว่าจะเสร็จในวันพรุ่งนี้ งานนี้โทษใครไม่ได้เลย ผมแพ็กเกจพลาดเองมาตั้งแต่แรก

เจอแพ็กเกจที่ต้องระบุ requires: libsomething = x.x เป๊ะๆ เวอร์ชันเก่า/ใหม่กว่าก็ไม่ได้ .. เออ แปลกดี

เรื่องสุดท้ายสำหรับ blog วันนี้:

kitt@peorth kitt =) $ uname -a
Linux peorth.kitty.in.th 2.6.6-mm5-acer-tm360 #2
Wed May 26 17:22:16 ICT 2004 i686 i686 i386 GNU/Linux

Zombie process

2-3 วันที่ผ่านมาพักผ่อนน้อย กินน้อย รู้สึกโทรมลงไปเยอะ ใกล้จะเป็น zombie แล้ว

วันนี้ตัดสินใจมานั่งห้องแล็บ ปรากฏว่ากลิ่นสีที่ทาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนก็ยังไม่จาง แถมพี่ท่านขยันทาสีประตูในห้องแล็บอีกบานนึง .โอ้. เซ็งมาก แต่วันนี้ไม่ค่อยปวดหัวแล้ว สงสัยเริ่มมีภูมิคุ้มกัน :P

ทำงานยุ่งเกือบตลอดวัน ช่วงเย็น คุยกับโชค ตอนนี้ทำ people สำหรับผู้ร่วมพัฒนาแล้ว เลยต้องมานั่งคิด ตั้งวิธีปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อความเป็นระเบียบและง่ายต่อการจัดการ คุยกันอยู่นานทีเดียว เสี่ยต้นไม่สบาย วันนี้ลา เลยขาดไปหนึ่งขา ได้ข้อสรุปมาพอสมควร รับปากโชคว่าจะ blog ให้

เย็นออกไปกินข้าว ตั้งใจจะไปโลตัส คิดถึงฝรั่งแช่บ๊วยเฮียกวยที่ขายอยู่โลตัสตั้งแต่ออกจากดิวิชัน แต่กลับเลี้ยวเข้าฟิวเจอร์หน้าตาเฉย กว่าจะรู้ตัวว่ามาผิด ก็รับบัตรจอดรถไปแล้ว .. สติชักเลอะเลือน

กินข้าวเสร็จพกความง่วงกลับมาดิวิชัน หลับคาเก้าอี้ ตื่นอีกทีเห็นพี่เทพในห้อง #tlwg พอดี เลยถามพี่เทพเรื่องหน้าที่ของ repository แต่ละอัน เพราะต้องเอามาเตรียมสำหรับ people และ ทะเลรีลีสหน้า อืมม เข้าใจขึ้นพอสมควร กูเกิ้ลหาเพิ่มเติมก็ได้ข้อสรุป เลย บันทึกไว้ที่ blog.opentle.org เสนอเป็นแนวทางไว้ รวมถึงเรื่อง TLC ก็เขียนบันทึกไว้ตามความเข้าใจที่ได้ฟังได้คุยกับหลายๆ คน

บันทึกเสร็จแล้ว .. ทำงานต่อ .. เฮ่อ

ตัวอย่าง FreeType + BCI / Blog ของ OpenTLE

วันนี้หมดเวลาไปกับการเขียนรายงานเป็นส่วนใหญ่ มีอัปเดตแพ็กเกจนิดหน่อย และโหลดแพ็กเกจมาเตรียม build อีกหลายสิบตัว (เสาร์-อาทิตย์นี้คงได้อัปเดต 30 แพ็กเกจขึ้นไป :P) … เมื่อวานพูดถึง FreeType + Byte Code Interpreter รู้สึกว่าข้อมูลจะคลาดเคลื่อนไป เท่าที่อ่านจากเว็บ FreeType เขาบอกว่า BCI ใช้งานได้ในประเทศที่ไม่มีการคุ้มครองตามสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ที่จดไว้โดย Apple Inc. ซึ่งประเทศไทย เวลานี้ใช้ได้แน่นอน แต่เรื่องแจกจ่าย binary ไม่มีข้อมูลครับ .. อย่างไรก็ตามผมเอา screenshot มาให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับ

[singlepic id=379]

ใช้ฟอนต์ Microsoft Sans Serif ขนาด 9 pt บน Mozilla ปกติแล้วถ้าไม่ hint ไม่ enable BCI ตัวหนังสือจะเบลอๆ แต่หลัง enable BCI และใช้ hint แล้ว เรนเดอร์ได้เกือบจะเหมือนบนวินโดว์สเลย ฟอนต์เล็กๆ ดูเส้นคมขึ้นเยอะ

ทีมพัฒนาทะเล มี blog ของตัวเองแล้ว (ใช้ blogspot ยอดฮิต) ติดตามดูความเคลื่อนไหวรายวันได้ที่ http://blog.opentle.org ครับ :)

งานคอมมาร์ตเดือนห้า, Kill Bill vol.2, FreeType + BCI enabled

หมู่นี้รู้สึกว่าบันทึก blog ไม่ค่อยสม่ำเสมอเหมือนแต่ก่อน มีเหตุสุดวิสัยบ้าง ลืมบ้าง ขี้เกียจบ้าง (อย่างหลังเกิดบ่อย) .. ก็จะมีรายการบันทึกรวบยอดสองวันสามวันบ้าง อย่างเช่น blog วันนี้เป็นต้น..

เมื่อวานนี้ตื่นเกือบเที่ยง นัดแนะกับเสี่ยต้น โชค พี่ดุลย์ ว่าจะไปงานคอมมาร์ตกัน .. กว่าจะได้ออกจริงๆ ก็เกือบบ่ายสอง ไปถึงงานคอมมาร์ตบ่ายสามกว่าๆ ไม่มีจุดประสงค์ในการมางานนี้ซักเท่าไหร่ เลยเดินเล่นดูบูธโน้นบูธนี้ไปเรื่อยๆ .. ผมกะไปดูราคากล่้องดิจิทัลเทียบกับร้านทั่วไป ก็พบว่ามันไม่ค่อยถูก ที่จริงต้องบอกว่าบางรายการแพงกว่าที่ขายตามร้านทั่วไปด้วยซ้ำ ส่วนอุปกรณ์คอมฯ แทบไม่ได้ดูเลยเพราะถ้าอยากจะซื้อผมได้ราคาดีลเลอร์อยู่แล้ว :P … สรุปก็เลยเดินดูงานไปเรื่อยๆ สะสมโบรชัวร์ ใบราคาสินค้า อย่างหลังนี่หายากมาก แต่ละร้านไม่ยอมแจกเลย อยากรู้ต้องถามและต่อรองกันเอาเองเป็นรายๆ ไป ผมไม่ค่อยชอบวิธีนี้เพราะช้า เปรียบเทียบยาก ตัดสินใจก็ยากตามไปด้วย แถมผู้ซื้อต้องยืนคุยกับผู้ขายนานๆ จนคนล้นหน้าร้าน .. ก็เข้าใจอยู่ว่าเป็นวิธีป้องกันตัวของร้านค้านั่นล่ะ จะได้ปรับราคาได้คล่องตัว แต่ถ้างานคอมพ์ยังเป็นแบบนี้ไปเดินห้างไอทีดีกว่า..

สรุปเรื่องสินค้า งานนี้ก็คงเหมือนทุกครั้ง และทุกปี ตั้งแต่สมัยงานคอมพิวเตอร์ไทยโน่น คือของไม่ได้ถูกกว่าร้านห้างไอทีเลย .. สิบปีที่แล้วเคยเหมารถตู้มาจากขอนแก่น แต่ละคนตั้งใจมาซื้อคอมพ์ในงานโดยเฉพาะ พกตังค์รวมกันแล้วหลายแสน แต่สุดท้ายก็ได้ไปซื้อที่พันธุ์ทิพย์ เพราะในงานไม่ถูกจริง ต่อรองยาก ประมาณว่าลูกค้าเยอะแล้วไม่ง้อ

อีกมุมหนึ่ง รู้สึกว่างานคอมพ์เริ่มเหมือนมอเตอร์โชว์ขึ้นทุกวันเพราะเริ่มจะมีรอบโชว์พิเศษแล้ว อย่างในครั้งนี้ก็มีบูธนึงที่เอาเชียร์ลีดเดอร์ทีมแชมป์ประเทศไทยมาโชว์ .. ส่วนบูธไมโครซอฟต์ ขนฮาร์ดแวร์มาขายเยอะ เลยเดินผ่านไปดูเมาส์นิดนึง แปะป้ายลด 50% เขียนตัวเล็กๆ มุมๆ ว่าเมื่อซื้อชิ้นที่สอง .. เวง ..และที่ โฆษณาซะเว่อร์ว่าเป็นนวัตกรรมสุดยอด ไมโครซอฟต์คีย์บอร์ดกันน้ำได้ (- -‘) .. คือ .. เมื่อสิบปีก่อนน่ะ เวลาทดสอบโน้ตบุ๊กเขาเอากาแฟร้อนราดคีย์บอร์ดด้วยซ้ำไป .. แล้วคีย์บอร์ดท่านมันนวัตกรรมตรงไหนฟะ .. พี่ดุลย์ติดใจสาวหมวยบูธ Easy Write เป็นพิเศษ .. Epson ยังคงรักษามาตรฐานไว้เหมือนเดิม (จำได้ว่า สมัยมางานคอมพิวเตอร์ไทยเมื่อหลายปีก่อนโน้น รุ่นน้องเคยวิ่งหน้าตาตื่น พร้อมยกนิ้วโป้งทั้งสองมือ บอกว่า “พี่ๆ บูธเอ็ปสัน สุดยอดๆ” ) .. Segway ตัวโตกว่าที่คิด ราคาแค่สองแสนห้า (- -‘).. คนที่โชว์ Segway ยังเล่นไม่เก่ง เหมือนกลัวจะล้ม หรือไม่ก็เครื่องเจ๊ง .. ผมเคยเห็นเดโมของเมืองนอก เล่นได้โคตรคล่อง ยังกะเต้นรำ จนต้องยอมรับว่า Segway ตอบสนองการเคลื่อนไหวได้เร็วมาก แทบไม่ต้องกังวลเรื่องล้มหน้าแตก (.. หรือหน้าแหก) .. อ่อ /. เคยลงบทความสร้าง Segway ด้วยตัวเอง ถูกกว่าหลายเท่าตัว ..

ออกมาจากงานราวๆ หกโมง มีเสี่ยต้นเสียตังค์คนเดียว (ซื้อแผ่น DVD+R) คนอื่นๆ เสียแต่ค่ามอเตอร์ไซต์รับจ้าง .. ขากลับแวะกินข้าวที่ฟอร์จูน ผมเสียตังค์ซื้อวีซีดีไปแผ่นนึง พี่ดุลย์เสียตังค์ซื้อเป๊บซี่สองขวดเห็นว่าลดราคา … ออกจากฟอร์จูนสองทุ่มหันมาเจอป้าย Kill Bill vol.2 หน้าโรบินสัน รัชดา เลยวางแผนไปดูกันที่เมเจอร์รัชโยธิน .. พอไปถึงปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ รปภ. ปิดทางเข้าหมดเลย ไม่มีที่จอด .. เปลี่ยนแผนไปเมเจอร์รังสิตแทน .. ทันรอบสามทุ่มพอดี ได้นั่งใกล้ชิดดารามาก (แถว H .. เกือบๆ จะหน้าสุด) .. ดูได้ไม่เต็มจอ เวียนหัวเอาเรื่อง

Kill Bill vol.2 ไม่ค่อยจะประทับใจเท่า vol.1 ออกจะจืดๆ เนือยๆ แทบไม่มีมุขอะไร ไม่มีฉากที่ต้องพูดถึงเป็นพิเศษ เหมือนจะดำเนินไปเพื่อคลี่คลาย เฉลยเรื่องราวทั้งหมดที่ขมวดไว้ตอนภาคแรก แล้วก็จบกันไปเฉยๆ ยังกะไม่ใช่ฝืมือทารันทิโน .. หรือจะพูดอีกอย่าง คือภาคนี้ให้คนอื่นสร้าง/กำกับก็คงไม่ต่างกัน .. ส่วนตัวชอบ เดวิด คาราดีน แสดงได้เก๋า มาดนิ่ง บุคลิคคล้ายๆ หนัง/ซีรีส์แนวศิลปะการต่อสู้ฝั่งตะวันออกที่เคยแสดงมาก่อนหน้านี้ และลูกสาวของเดอะไบรด์ “บี.บี.” แสดงโดย เพอร์ลา ฮานีย์-จาร์ดีน (Perla Haney-Jardine) .. น่ารักโคตรๆ ใครเห็นก็ต้องยิ้ม :)

กลับมาห้องแล็บ กลิ่นสีน้ำมันยังไม่จางเท่าไหร่ นั่งสักพักก็ปวดหัวอีก เลยกลับมาออนไลน์ที่หอพัก .. เข้า #tlwg .. จนหลับ

ตื่นมาวันนี้เกือบห้าโมงเย็น นอนจนเมื่อย .. ลุกมาหาข้าวกิน แวะห้องแล็บอีกที .. โอ้ ยังมีกลิ่นชวนปวดหัวอยู่ เลยกลับมาหอเหมือนเดิม มีคิวอัปเดตแพ็กเกจอีกเยอะมากร่วมสามสิบแพ็กเกจ .. แต่งานเร่งด่วนเวลานี้คือเขียนรายงานวิทยานิพนธ์ฉบับเต็มที่มลายหายไปกับฮาร์ดดิสก์ตัวก่อน (ฮาร์ดดิสก์เจ๊งคราวนั้นเล่นเอาเข็ดไปอีกนาน เรียกได้ว่าล้มละลายทางข้อมูล ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเลย rsync สำรองข้อมูลสำคัญๆ ไปเก็บไว้อีกเครื่องนึงด้วย) .. ดังภาษิตหมากล้อมกล่าวไว้ว่า “งานเร่งสำคัญกว่างานใหญ่” เรื่องแพ็กเกจระยะนี้คงอัปเดตช้าลง :P

อ่อ ลืมไปเรื่องนึง รุ่นน้องที่เอไอทีลอง enable bytecode interpreter ใน FreeType บน Gentoo แล้วรายงานมาว่าตัวหนังสือสวยขึ้นเยอะ ผมเลยลองทำแพ็กเกจ FreeType ใหม่โดย enable bytecode interpreter ด้วย ผลก็คือ ฟอนต์ที่มี hint ดีๆ เรนเดอร์ออกมาได้สวยมาก อย่าง Tahoma นี่ตัวหนังสือสวย เส้นคม เหมือนวินโดวส์เลย ส่วนที่ไม่มี hinting อย่าง Loma ก็ดูเป็นคลื่นดังคาด … Tahoma จัดอยู่ในชุด core font ตาม EULA แล้ว end-user โหลดเอามาใช้งานได้ฟรี แต่ห้ามเผยแพร่ ฟอนต์อื่นๆ ของไมโครซอฟต์วินโดวส์ถ้าต้องการใช้อย่างถูกต้อง ควรมีไลเซนส์ของวินโดวส์ด้วย (ซึ่งผมมีมากับโน้ตบุ๊กอยู่แล้ว.. หุๆๆ ^^) .. ส่วน bytecode interpreter มีสิทธิบัตร (ของ Apple Inc. ?) คุ้มครองอยู่ ผมจึงเผยแพร่ตัว pre-compiled binary ไม่ได้ (ที่จริงอาจจะได้เพราะประเทศไทยไม่มีการคุ้มครองสิทธิบัตรซอฟต์แวร์) ถ้าใครสนใจจะใช้งานก็ต้องคอมไพล์กันเอง .. source-based อย่าง Gentoo ก็ emerge ได้ไม่ยากเย็นอะไร ส่วน RPM-based เอา src.rpm มา rebuild โดย enable bytecode interpreter ได้เช่นกัน FreeType มี depend ไม่กี่ตัว build ไม่ยากครับ :)

สายไฟเบอร์ขาด !

เมื่อวานเย็นเข้าไปบันทึก blog ที่เบลดันดีไม่ได้ สอบถามไปก็ได้ความว่าสายไฟเบอร์ของ ทศท. ขาดที่นครปฐมกับเพชรบุรี ที่ราชบุรีเลยบอดสนิท .. นอกจาก blog ไม่ได้แล้วก็อัปเดต repository ไม่ได้ไปด้วย กว่าจะใช้งานได้ก็เย็นวันนี้นี่เอง ตอนนี้ทุกอย่างปกติดีแล้ว VLC + depends + etc. ก็ sync เข้าเบลดันดีเรียบร้อย :)

เข้า #tlwg เมื่อวานนี้เห็นพี่โดมออนไลน์ด้วย เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ มีแต่เรื่องฮาๆ .. ผมไม่เจอพี่โดมนานมากจนลืมหน้าไปแล้ว อ่อ พี่โดมมี blog ด้วย คาดว่าโดนกระตุ้นโดยพี่เทพอีกที :)

MrChoke รายงานมาว่าใกล้จะได้ base ของทะเลตัวใหม่แล้ว กำหนดการหยาบๆ ควรจะได้เห็น alpha/beta ภายในเดือนกรกฎาคม และรีลีสในสิงหาคม (กำหนดจริงๆ + แน่ๆ ฮาาา)

ที่ดิวิชันไม่รู้เกิดคึกอะไร ทาสีห้องเรียนกับประตูทุกห้องตั้งแต่เมื่อวาน กลิ่นสีน้ำมันฟุ้งจนปวดหัว ไม่เป็นอันทำงาน (อู้ :P) นี่ยังไม่หายปวดเลย อยู่นานไม่ไหว เย็นๆ เลยรีบเผ่นไปข้างนอก (ฟิวเจอร์อีกแล้ว) ไปลองเล่น D70 กับเสี่ยหยวย ให้ความรู้สึกดีกว่า 300D หลายอยู่ พรุ่งนี้จะไปดูราคาในงานคอมมาร์ทอีกที คงได้ออก D70 เร็วๆ นี้ นรกเงินผ่อนกลับมาแล้ว เหอะๆๆๆ

VideoLAN Client / Foundation

ในที่สุดก็ build vlc ได้สำเร็จแล้ว ต้องลงแพ็กเกจร่วมยี่สิบตัวกว่าจะได้อย่างที่ต้องการ .. น่าจะเล่น video/audio ได้แทบทุกฟอร์แมตเลยล่ะครับ ทั้ง MPEG-1/2/4 SVQ1 H.263 WMV WMA Ogg Vorbis Theora MP1/2/3 Speex FLAC A52 CVD DTS DVB AAC ฯลฯ ขนาดนี้แล้วถ้ายังไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป สนับสนุนทั้ง ไฟล์ แผ่่น และสตรีม ใส่ on-screen display ให้ด้วย .. ลงทีเยอะๆ ขนาดนี้ apt-get เหมาะสุด สั่งทีเดียวจบ .. vlc + dependencies คงเข้า kitty-extras ครับ

อ่อ เมื่อวานกั๊กเรื่องนิยายวิทยาศาสตร์ไว้มาขยายต่อวันนี้ นิยายที่ผมชอบที่สุดเรื่องนึงคือ “สถาบันสถาปนา” (Foundation) .. สถาบันสถาปนากล่าวถึงอนาคต เมื่อมนุษย์ชาติออกไปตั้งถิ่นฐานบนดาวเคราะห์หลายดวงในดาราจักรทางช้างเผือก รวมกันเป็นสากลจักรวาลที่รุ่งเรืองมานานกว่าสองหมื่นปี .. แต่แล้ว ฮาริ เซลด็อน นักคณิตศาสตร์จากดาวบ้านนอกสามารถคิดค้น “อนาคตประวัติศาสตร์” (Psychohistory) ขึ้นมาได้สำเร็จ อนาคตประวัติศาสตร์เป็นคณิตศ่าสตร์เชิงสถิติอย่างนึงที่โยงกับพฤติกรรมของคนหมู่มาก หากมีจำนวนคนที่เกี่ยวข้องมากพอจะสามารถใช้ทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ .. ฮาริพบว่า เมื่อพิจารณาพฤติกรรมผู้คนทั้งสากลจักรวาลแล้ว อนาคตประวัติศาสตร์ทำนายได้ว่าสากลจักรวาลกำลังล่มสลาย ช่วงเวลาของเขาเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญมาก หากไม่ทำอะไรเลย ความลำบากยากเข็ญจะเกิดขึ้นทั่วทั้งสากลจักรวาลและจะคงอยู่เป็นเวลานานถึงสามหมื่นปี กว่าสากลจักรวาลจะรุ่งเรืองอีกครั้ง เพราะเหตุนี้เขาจึงก่อตั้งสถาบันสถาปนาขึ้น เพื่อเบี่ยงเบนอนาคต หากทำสำเร็จเขาจะสามารถลดระยะเวลาแห่งความลำบากยากเข็ญของมนุษย์ชาติลงเหลือหนึ่งพันปี

สถาบันสถาปนา แบ่งออกเป็นสองชุด ชุดแรกเล่มหนึ่งถึงเจ็ด แต่งโดย ไอแซค อาสิมอฟ สามเล่มแรก กล่าวถึงสิ่งวิกฤติในแต่ละช่วงของสถาบันสถาปนา เล่มสี่-ห้าเป็นการคลายปมสู่บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด เล่มหก-เจ็ดย้อนกลับมากล่าวถึงช่วงเวลาระหว่างการพัฒนาอนาคตประวัติศาสตร์และก่อตั้งสถาบันสถาปนา ทั้งหมดโยงไปยังนิยายเล่มอื่นๆ ของ อาสิมอฟด้วย (ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ I, Robot และชุดหุ่นยนต์/นคร) .. เจ็ดเล่มนี้สมบูรณ์อยู่ในตัว อย่างไรก็ตามชุดที่สองก็เป็น เป็นตัวแทรก ขยาย เติมเต็ม ที่อ่านสนุกไม่แพ้ชุดแรก .. เล่มแปด-สิบแต่งโดย เกรกอรี เบนฟอร์ด, เกร็ก แบร์, และ เดวิด บริน ตามลำดับ .. ทั้งสิบเล่มแม้จะแต่งโดยคนละคน ต่างยุคสมัย และทิ้งระยะห่างกันจากเล่มแรกถึงเล่มสุดท้ายหลายสิบปี แต่เนื้อหา โทน วิธีการเล่าเรื่อง เนียนเป็นเนื้อเดียวกันหมด (จะมีโดดๆ ก็เล่มแปด ที่ต้องอ่านซ้ำ กว่าจะอิน :P)

สรุป ชุดสถาบันสถาปนาผมอ่านจบถึงเล่มสิบแล้ว ทุกเล่มมันส์โคตรๆ เล่มสุดท้ายนี่ร้ายมาก เอาจุดเล็กจุดน้อยที่เขียนทิ้งไว้ในเล่มก่อนๆ มาใช้ แทรกด้วยปมของตัวเอง จบเล่มนอกจากจะคลี่คลายเรื่องทั้งหมดแล้ว ยังทิ้งให้เขียนต่อได้อีก แถมยังต้องไปตามเก็บอีกหลายเล่มในชุดอื่นๆ ของอาสิมอฟ มาอ่านเอาความสมบูรณ์ของเนื้อหาทั้งหมดด้วย (ชุดหุ่นยนต์พลาดไม่ได้เด็ดขาด)

อืมม .. น่าจะมีคนเอาไปทำเป็นมินิซีรีส์แฮะ :P